Avareum Market Outlook 2024: Market Overall

Avareum Market Outlook 2024: Market Overall

Total Market Cap of Crypto Space

Made with Flourish

ในช่วงต้นปีตลาดเริ่มมีการปรับเพิ่มขึ้น จากเมื่อช่วงปลายปีเดือนธันวาคม 2022 ที่ถือว่าเป็นจุดต่ำสุดของช่วงตลาดหมี โดยในไตรมาสที่ 1 ของปี 2023 มูลค่าของตลาดคริปโตปรับตัวเพิ่มขึ้น 51.61% โดยจะมีช่วงเดือนมีนาคมที่ตลาดจะมีความกังวลกับธนาคาร Silicon Valley (SVB) ที่มีปัญหาเรื่องสภาพคล่อง ซึ่งส่งผลกระทบต่อโลกคริปโตพอสมควร เนื่องจากทาง Circle ได้มีสินทรัพย์ที่ใช้ในการ Back Up ตัว Circle USD ($USDC) ฝากไว้กับทาง SVB แต่สุดท้ายเมื่อปัญหาคลี่คลาย โดยทาง Circle นั้นสามารถที่จะดำเนินธุรกรรมถอนสินทรัพย์นั้นออกมาได้ ทางฝั่งรัฐบาลสหรัฐและทาง FED ออกโปรแกรมเพิ่มสภาพคล่องให้กับธนาคารที่ประสบปัญหา ทำให้สถานการณ์เริ่มดีขึ้น ตลาดเลยกลับตัวมาเพิ่มอีกครั้ง พร้อมข่าวที่ค่อนข้างเป็นเชิงบวกกับโลกคริปโตอย่างการอัปเกรดของทางฝั่ง Ethereum

ในส่วนของ Shanghai Upgrade ในช่วงเดือนเมษายน โดยหลังจากเสร็จสิ้นการอัปเกรดจริง ได้เกิดการ Sell On Fact ประกอบกับปัญหาต่าง ๆ  ที่เกิดขึ้นระหว่าง Centralized Exchange (CEX) กับทาง SEC ในเรื่องของ Security Token ประกอบกับทางฝั่ง Binance ได้มีการลาออกของผู้บริหารระดับ C-Level พร้อมทั้งมีข่าวการปลดพนักงานออกจากทาง Binance มากกว่า 1,000 ตำแหน่ง ทำให้สร้างความกดดันให้กับตลาดอีกครั้ง โดยมูลค่าของตลาดคริปโตในไตรมาสที่ 2 ไปทำจุดสูงสุดที่ $1.236B ก่อนที่จะปรับตัวลดลงมา $994B (ลดลง 19.57%) ในวันที่ 14 มิถุนายน โดยในวันที่ 16 มิถุนายนตลาดได้รับข่าวดีอีกครั้งจากทาง Blackrock ที่ยื่นขอเปิด Bitcoin ETF กับทาง SEC ทำให้ Sentiment ตลาดกลับมาดีอีกครั้ง ทำให้ตลาดปิดไตรมาสที่ 2 ยังคงบวกเล็กน้อยที่ 0.78%

หลังจากนั้นในไตรมาสที่ 3 ได้มีการปรับตัวลดลงจากความผิดหวังของนักลงทุน หลังจากที่ SEC มีการประกาศเลื่อนในการพิจารณา Bitcoin ETF ออกไปในหลาย ๆเจ้าที่ยื่นเข้ามา พร้อมกับสภาวะตลาดที่ค่อนข้างกดดันกับสินทรัพย์เนื่องจาก FED ยังคงมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปิดไตรมาสที่ 3 มีการปรับลดลงของมูลค่าตลาดคริปโต -6.12% และในไตรมาสสุดท้ายของปี 2023 มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น จาก $1.056T ไปที่ $1.606T หรือเพิ่มขึ้น 52.07% ในวันที่ 31 ธันวาคม 2023

FED Balance Sheet

Made with Flourish

จากภาพรวม Balance Sheet ของ FED ณ ตอนนี้ก็ยังคงทำ Quantitative Tightening (QT) อยู่ ในการลดสภาพคล่องที่จะอัดเข้าสู่ระบบ เพื่อทำการควบคุมเงินเฟ้อไปควบคู่กับการเพิ่มอัตราดอกเบี้ย โดยในช่วงเดือนมีนาคมที่มีการเพิ่มขึ้นของ Balance Sheet แบบฉับพลันเกิดจากโปรแกรมในการช่วยเรื่องสภาพคล่องของธนาคารที่ประสบปัญหาในวันที่มีกรณีของ Silicon Valley Bank (SVB) เกิดขึ้น โดย Balance Sheet ของ FED ได้ลดจากตอนต้นปีมาเหลือที่ $7.86T (ลดลง 7.64%) ซึ่งถ้าสภาพคล่องยังไม่กลับมา การที่จะมีเงินมาดันให้มูลค่าของตลาดคริปโตเติบโตไปเท่ากับจุดสูงสุดในช่วงปลายปี 2021 ก็จะขึ้นได้ยาก


Crypto Currencies Price Return 2023

จากตารางถ้าเราดูรายไตรมาส เราจะเห็นว่าในไตรมาสที่ 1 ปี 2023 เหรียญหลาย ๆ เหรียญในหมวดต่าง ๆ ค่อนข้างจะมีอัตราผลตอบแทนเป็นบวกเกือบทุกตัวยกเว้น $LEO เท่านั้นที่ -4.12% โดยปิดจบในไตรมาสที่ 1 ตัวที่มีผลตอบแทนดีที่สุดจะเป็น $RNDR ที่อยู่ในกลุ่มของ Web 3.0 ซึ่งจะเกี่ยวกับด้าน GPU ที่ใช้ในการประมวลผลข้อมูลใน Area เกี่ยวกับพวก Metaverse, AI/Machine Learning ซึ่งให้ผลตอบแทนในไตรมาสที่ 1 อยู่ที่ 233.17% ส่วนตัวที่รองลงมาจะเป็น Alternative Layer 1 อย่าง Solana ที่ปรับตัวขึ้นมาจากก้นหลุม 112.24% โดยในไตรมาสที่ 2 และไตรมาสที่ 3 นั้นจะมีการติดลบของผลตอบแทนในปริมาณพอ ๆ กัน โดยตัวที่มีการปรับตัวดีขึ้นในไตรมาสที่ 3 และให้ผลตอบแทนค่อนข้างดีจะเป็น $RUNE และ $MKR โดยให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 101.78% และ $MKR ซึ่งทาง MKR มีการปรับตัวดีขึ้นมาตลอดทั้ง 3 ไตรมาส จากการที่ทาง Protocol มีการเพิ่มการลงทุนในส่วนของ Real World Asset (RWA) ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ ถึงแม้ว่าจะเป็นสภาวะตลาดหมีก็ตาม โดยสัดส่วนของ Protocol Revenue ที่มากกว่า 50% มาจาก RWA ซึ่งพื้นที่ฐานที่ดีขึ้นอย่างชัดเจนตรงนี้ สอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของราคา ในส่วนของไตรมาสที่ 4 หลาย ๆ เหรียญปรับขึ้นเนื่องจากรับข่าวดีที่ทำให้เกิด Positive Sentiment จากการที่ Blackrock ได้มีการ List “iBTC” Ticker บน Nasdaq Clearing Firm

อีกกลุ่มที่มีการปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างเยอะ และอยู่นอกกระแสทั้ง Layer 2 Scaling Solution หรือแม้แต่ Real World Asset จะเป็นในกลุ่มของ App Chain บน Cosmos, Privacy และ Betting Protocol

รูปภาพที่ 4: ตารางเปรียบเทียบผลตอบแทนหมวด App Chain & Alternative L1 on Cosmos, Betting Protocol และ Privacy Protocol ระหว่าง Q1-Q3 ปี 2023

เมื่อเรามาเปรียบเทียบกลุ่มทางเลือกกับกลุ่มหลัก ๆ ในโลกคริปโต จะเห็นว่าตัวที่ค่อนข้างทำผลตอบแทนได้ดีในช่วงไตรมาส 1 คงปฏิเสธไม่ได้ว่า $ATOR ถึอว่าทำได้ดีที่สุด 1,270% ในไตรมาสที่ 1 ส่วนรองลงมาจะเป็น $INJ ที่เป็น Alternative L1 บน Cosmos ที่ทำผลตอบแทนได้ 306% ในส่วนไตรมาสที่ 2 จนถึงไตรมาสที่ 4 ตัวที่ยังไม่เคยมี Down Quarter เลยก็จะเป็น $ATOR ซึ่งถ้าจบปียังคงปิดบวกในไตรมาสที่ 4 ถือว่าเป็นตัวที่ Outperform มาก ๆ และเป็นตัวที่อยู่นอกกระแสที่คนพูดถึงในขณะนี้


Top Stablecoins Overview

รูปภาพที่ 5: มูลค่าตลาดของ Stablecoin ทุกตัวในตลาด วันที่ 1 มกราคม ถึง วันที่ 1 พฤศจิกายน ปี 2023

Stablecoin ถือว่าเป็นตัวกลางที่ถูกใช้ในโลกคริปโตในการใช้แลกเปลี่ยนซื้อ-ขาย เหรียญอื่น ๆ  ที่มีอยู่ในตลาด โดยจากภาพรวม เราจะเห็นว่ามูลค่ารวมของ Stablecoin นั้นยังมีแนวโน้มลดลงอยู่ จากตอนต้นปีที่มีขนาดอยู่ที่ $137.77B ลดลงมาอยู่ที่ $124.12B (ลดลง -9.91%) อ้างอิงข้อมูล ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2023 นั้นแปลว่า สภาพคล่องในโลกคริปโตยังไม่ได้กลับมา เงินยังไหลออกอยู่ แต่ในทางกลับกันเราจะเห็นว่ามีเงินฝากเข้ามาบน DeFi Protocol เพิ่มขึ้น ตัว Activity บนโลก DeFi เริ่มกลับมาบ้างแล้วจากเงินเก่าที่มีในระบบ โดยตอนต้นปี 2023 นั้น TVL ของ Stablecoin มีมูลค่าอยู่ที่ $56.09B ได้เพิ่มมาเป็น $74.51B ในวันที่ 1 พฤศจิกายน (เพิ่มขึ้น 32.84%)

รูปภาพที่ 6: มูลค่าตลาดของ Top 15 Stablecoins วันที่ 1 มกราคม ถึง วันที่ 1 พฤศจิกายน ปี 2023
รูปภาพที่ 7: Top 15 Stablecoins Market Cap

การเปลี่ยนแปลงของมูลค่าตลาดของ Stablecoins ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม จนถึง 1 พฤศจิกายน

  • USDT $84.69B เปลี่ยนแปลง +$18.47B (+27.88%)
  • USDC $24.74B เปลี่ยนแปลง -$19.78B (-44.44%)
  • DAI $3.75B เปลี่ยนแปลง -$1.31B (-25.89%)
  • TUSD $3.34B เปลี่ยนแปลง +$2.59B (+342.13%)
  • BUSD $2.01B เปลี่ยนแปลง -$14.56B (-87.89%)

เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2022 เราจะเห็นว่าอันดับของ Stable Coin ค่อนข้างเปลี่ยนแปลงไปมากพอสมควรในปีนี้ จากเมื่อปีที่แล้ว $FRAX นั้นติด Top 5 ส่วนที่ขยับขึ้นมาและมีการเติบโตมากที่สุดในปี 2023 คือ TUSD ของทาง TrueUSD ที่มีการเติบโต 342.13% ในฝั่งของอันดับ 2 อย่าง USDC จาก Circle มีการเติบโตที่ลดลงโดยมูลค่าตลาดลดลงจากต้นปี -44.44% จากเหตุการณ์ Silicon Valley Bank มีปัญหาสภาพคล่องจนทำให้เกิดความกังวลในค่าเงิน USDC จนทำให้ USDC นั้นหลุด Peg $1 ลงไปต่ำถึง $0.9655 (Depeg -3.45%) ในวันที่ 12 มีนาคม 2023 ทำให้คนมีความเชื่อมั่นลดลงกับตัว Stablecoin จากทางฝั่ง Circle พอสมควร ส่วน Stablecoin อันดับที่ 3 จากทาง Binance อย่าง $BUSD นั้น ก็มีขนาดมูลค่าตลาดลดลงมากที่สุดในปี 2023, -87.89% เนื่องจากทาง Paxos โดนทาง US SEC สั่งห้ามไม่ให้ Issue ตัว $BUSD ให้กับทาง Binance โดยจะหมดเขตในการ Redeem $BUSD เป็น Fiat ในเดือนมีนาคม 2024

ทำให้ตอนนี้มูลค่าของ $BUSD นั้นลดลงเรื่อย ๆ เพราะคนนำ $BUSD ไป Redeem หรือเปลี่ยนไปถือ Stablecoin ตัวอื่นแทน ซึ่งจากการที่ทั้ง Stablecoin อย่าง $USDC และ $BUSD นั้นได้รับความนิยมลดลง ส่งผลให้เงินนั้นไหลไปที่ $USDT และ Stablecoin ตัวอื่น ๆ  เพิ่มขึ้น


Alternative Stablecoins

รูปภาพที่ 8: มูลค่าตลาดของ Alternative Stablecoins จากวันที่ 1 มกราคม จนถึง วันที่ 1 พฤศจิกายน 2023

นอกเหนือจาก Stablecoin ตัวหลัก ๆ ที่เรารู้จัก ในปี 2023 หลายเจ้าในโลกคริปโตได้เริ่มทำ Native Stablecoin ของตัวเองไม่ว่าจะเป็น AAVE ได้ออก $GHO ออกมา ซึ่งจัดเป็น Crypto Backed ในรูปแบบ Over-Collateral ซึ่งในอนาคตทาง AAVE นั้นวางแผนว่าจะมีการใช้สินทรัพย์อื่นเป็นสินทรัพย์ประกันเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Delta-Neutral Strategy, Credit Back, และ Algorithmic แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะต้องผ่านการยินยอมกับทาง AAVE Community ก่อน โดยปัจจุบัน $GHO นั้นมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ $27M นอกจาก DeFi OG อย่าง AAVE ออก Native Stablecoin ของตัวเองแล้ว อีกเจ้าหนึ่งที่เป็น DeFi OG เหมือนกันอย่าง Curve Finance ก็ได้ปล่อย $crvUSD ออกมา โดยจะใช้กลไกช่วยลดการ Liquidation ผ่าน Lending-Liquidating AMM Algorithm (LLAMMA) ซึ่งทาง $crvUSD นั้นจะรับ Ethereum และ Derivative Ethereum ใช้เป็นสินทรัพย์ค้ำประกัน โดยปัจจุบัน $crvUSD มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ $124M

ซึ่งจากที่กล่าวมาข้างต้นอย่าง $crvUSD นั้นใช้ Ethereum เป็นสินทรัพย์ค้ำประกัน ตรงนี้ตัว Model จะเหมือนกับทาง MakerDAO ในตอนแรก หรือ Liquity แต่ที่แตกต่างออกไปคือมีการใช้ Derivative Ethereum ที่เป็น Token ที่เกิดจาก Liquid Staking Protocol (LSD) โดยจาก Curve Finance

แล้วยังมี Protocol อื่น ๆ  อีกที่ใช้ Derivative Ethereum เป็นสินทรัพย์ประกัน เราจะจัด Protocol เหล่านี้อยู่ในกลุ่ม Liquid Staking Derivative Finance (LSDFi) ในตลาดที่เป็นที่รู้จักกันจะมี Lybra, Raft, และ Prisma โดยตัวที่มูลค่าตลาดมาติด Top 15 ได้จะเป็น Stablecoin จากทาง Lybra Protocol, $eUSD โดยในปัจจุบันมีมูลค่าตลาดเท่ากับ $108M 

ในฝั่งของโลก Web 2.0 ก็มี Payment Gateway อย่าง PayPal เข้ามาในโลกคริปโตเช่นกัน เพื่อที่จะจับกระแสในโลก Web 3.0 ด้วยการออก Stablecoin ของตัวเอง ด้วยระบบ Fiat Backed คือสินทรัพย์ที่ใช้ค้ำประกันจะเป็นเงินสดและสินทรัพย์เทียบเท่าเงินสด โดย Model นี้จะเหมือนกับทาง $USDT, $USDC, และ $BUSD ซึ่ง Stablecoin ตัวนี้มีชื่อว่า $PYUSD โดยปัจจุบันมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ $158M

Native Stablecoin ตัวสุดท้ายที่ค่อนข้างเป็นกระแสในช่วงนี้นั้นคือ $USK จากทาง Kujira Protocol ซึ่งทาง Kujira เคยเป็น Liquidation Protocol ของ bLuna (Bonded Luna) บน Terra Ecosystem มาก่อน หลังจากเหตุการณ์ล่มสลายของ Terra Ecosystem ตัวทีม Kujira เองไม่ได้ไปต่อกับ Terra 2.0 ที่สร้างขึ้นใหม่ โดยทาง Kujira เลือกที่จะสร้าง Chain ของตัวเองบน Cosmos และได้สร้าง In-House Service บน Kujira Network หลายอย่างไม่ว่าจะเป็น

  • Kujira Orca (Liquidation System)
  • Kujira Fin (Onchain Order Book Trading Platform)
  • Kujira Bow (Liquidity Provider System)
  • Kujira Ghost (Money Market)
  • Kujira Pilot (Launchpad)

หลังจากที่ Kujira สร้าง Ecosystem หลาย ๆ อย่างด้วยตัวเองแล้ว สิ่งสำคัญที่จะเป็นตัวกลางในการใช้งานระหว่าง Platform ก็คือ “Stablecoin” ทางทีมเลือกที่จะสร้าง Stablecoin เป็นของตัวเอง ชื่อว่า “USK” ที่ใช้กลไก Over-Collateral โดย Digital Asset ที่นำมาใช้วางเป็นสินทรัพย์ค้ำประกันจะเป็น $ATOM, $DOT, $ETH, และ $BTC โดยจะใช้ Collateral Ratio อยู่ที่ประมาณ 166% ซึ่งในปัจจุบันตัวมูลค่าตลาดของ $USK ถือว่ายังมีขนาดเล็กอยู่เมื่อเทียบกับ Native Stablecoin ตัวอื่นที่กล่าวมาข้างต้น ปัจจุบัน $USK มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ $2.58M


Top 30 Coins Dominance

Made with Flourish

Crypto Dominance Ranking

เป็นการวัดมูลค่าตลาดของเหรียญตัวนั้น ๆ เทียบกับมูลค่าตลาดคริปโตโดยรวมของทุกเหรียญ เพื่อดูว่าเหรียญตัวนั้น ๆ มีสัดส่วน Market Share เท่าไรของเหรียญทั้งหมดที่ในตลาด

ในวันที่ 29 ธันวาคม 2023 ตัวเลข Bitcoin Dominance มีการ ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อต้นปีจาก 39.09% มาอยู่ที่ 47.34% ในขณะที่ Ethereum Dominance ปรับตัวลดลงจากต้นปีที่ 17.81% มาอยู่ที่ 15.92% ส่วน Top 10 ที่ไม่รวม Bitcoin และ Ethereum มีการปรับตัวลดลงจากต้นปีที่ 25.16% มาอยู่ที่ 16.90% และสุดท้ายที่ในส่วนของ Other ที่เป็นเหรียญที่อยู่ในอันดับ 11-30 รวมกันมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากต้นปีที่ 16.97% มาอยู่ที่ 18.27%

โดยการจัดลำดับ Crypto Dominance ตัวอื่น ๆ  มีความแตกต่างจากปี 2022 พอสมควร โดยขนาดของ XRP นั้นเมื่อเทียบกับมูลค่าของเหรียญใน 30 อันดับแรกนั้นขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 4 แสดงให้เห็นว่ามีเงินไหลเข้ามาในตัว XRP เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2022 เนื่องจากในปี 2023 ทาง XRP ได้ชนะคดีที่ทาง SEC เป็นคนฟ้องร้อง ทำให้เกิด Positive Sentiment กับทาง XRP และตลาดคริปโตพอสมควร 

ส่วนในปีนี้ BUSD นั้นไม่ติด 30 อันดับแรก และมีแนวโน้มที่มูลค่าตลาดจะลดลงเรื่อยๆ  จากกรณีที่ทาง SEC สั่งห้ามไม่ให้ทาง Paxo ไม่ให้ Issue BUSD ให้กับทาง Binance ทำให้ Binance ต้องหา Issuer เจ้าใหม่ ถ้าต้องการที่จะมี Stable Coin ของตัวเองอยู่ โดยทาง Paxo นั้นให้คนสามารถมา Redeem เป็นเงินสดได้จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2024 ทำให้ตลอดปี 2023 นั้นมูลค่าของ BUSD นั้นลดลงเรื่อย ๆ


Microstrategy buying BTC & HOLD

Microstrategy ถือว่าเป็น Public Company ที่ถือ $BTC เยอะที่สุด โดย ณ ปัจจุบันทาง Microstrategy ครอบครอง $BTC อยู่ที่ 190,000 $BTC โดยเริ่มมีการเข้าซื้อตั้งแต่เดือนสิงหาคมปี 2020 ที่ราคาเริ่มต้น $11,000 และทำการซื้อเฉลี่ยๆ ต้นทุนมาเรื่อยๆ ด้วยวิธี Dollar Cost Average (DCA) ทำให้ต้นทุน BTC ของ Microstrategy ณ ปัจจุบันอยู่ที่ $31,224 ต่อ 1 Bitcoin และมีต้นทุนทั้งหมด $5.9B โดยทาง Micro- Strategy ถือว่าเป็น Public Company ที่ถือ Bitcoin เยอะที่สุด โดยนอกจาก MicroStrategy แล้วยังมีบริษัทอื่น ๆ  อีก

Top 10 Public Company ที่ถือครอง Bitcoin

อันดับ 2: Marathon Digital Holdings Inc 15,741 $BTC
อันดับ 3: Tesla 9,720 $BTC
อันดับ 4: Hut 8 Corp 9,116 $BTC
อันดับ 5: Coinbase Global 9,000 $BTC
อันดับ 6: Galaxy Digital Holdings 8,100 $BTC
อันดับ 7: Block inc 8,027 $BTC
อันดับ 8: Riot Platform 7,648 $BTC
อันดับ 9: Bitcoin Group SE 3,830 $BTC
อันดับ 10: CleanSpark Inc 3,573 $BTC


Grayscale Portfolio

Made with Flourish

Grayscale ถือว่าเป็นนักลงทุนสถาบันรายใหญ่ที่เข้ามาซื้อ $BTC ในปริมาณมาก และนอกเหนือจาก $BTC แล้วตัว Grayscale ก็ยังเข้าถือเหรียญต่าง ๆ อีกมากมายไม่ว่าจะเป็น $ETH, $LTC, $BCH โดยเปิดเป็นกอง Trust ให้คนใน Traditional Market เข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างคริปโตได้ โดย Product ในปี 2023 นั้นไม่ได้มีความแตกต่างจากปี 2022 ไม่มีการเพิ่ม Product ใหม่เข้ามาและลด Product เก่าออกไป

แต่ความสนใจของคนที่อยู่ในโลกคริปโตตอนนี้คือการที่ ทาง Grayscale ชนะคดีความที่ทาง SEC ยื่นฟ้องเพื่อคัดค้านไม่ให้ Grayscale เปิดขาย Bitcoin ETF ข่าวนี้ก็เป็นอีกข่าวหนึ่งที่เป็น Positive Sentiment ให้กับ Bitcoin และโลกคริปโตในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งในอนาคต Product ที่จะเข้ามาอยู่บน Shelf ของทาง Grayscale ต้องมี Bitcoin ETF อย่างแน่นอน

Made with Flourish

1,941,156 $BTC เป็นปริมาณทั้งหมดที่ถูกครอบครองโดยสถาบันและบริษัทในตลาด โดยข้อมูลนี้เป็นข้อมูลที่อัปเดตล่าสุดเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2023 โดยเมื่อคิดเป็นสัดส่วนของ BTC ที่หมุนเวียนอยู่ในตลาดตอนนี้ 19,540,987 $BTC จะคิดเป็น 9.93% โดยบริษัทที่มีความ Active ในการเดินหน้าสะสม Bitcoin อย่างต่อเนื่องอย่าง Grayscale และ Microstrategy มีปริมาณ Bitcoin รวมกันเท่ากับ 801,817 $BTC โดยคิดเป็นสัดส่วน 4.10% ของปริมาณ Bitcoin  ที่หมุนเวียนอยู่ในตลาด

โดยถ้าเรานำ Bitcoin  ที่สถาบันและบริษัททั้งหมดมาจัดกลุ่มเราจะสามารถแบ่งได้ตามนี้ว่า Bitcoin อยู่ในกลุ่มไหนปริมาณเท่าไร

สัดส่วนของการถือครอง Bitcoin ของแต่ละกลุ่มในปี 2023 มีการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนการถือครองเล็กน้อย โดย ETF ยังถือว่าเป็นกลุ่มที่ถือ Bitcoin ส่วนใหญ่อยู่แต่มีประมาณ Market Share ลดลงจากปี 2022 โดยลดลงจาก 49.7% มาเป็น 42.2% และกลุ่มที่ลดลงเช่นกันคือ Public Company ที่มี Market Share ลดลงจาก 15.9% มาเป็น 12.4% ในส่วนของ Private Company และ Country นั้นมีการเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 22.1% และ 23.3% ตามลำดับ ซึ่งประเด็นที่น่าสนใจก็คือมีบางประเทศที่เก็บ Bitcoin เข้ามาเป็น Reserve เพิ่มเติม นั้นแปลว่าประเทศเหล่านี้เริ่มให้ความสนใจกับสินทรัพย์ดิจิทัลตัวนี้ ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐอเมริกา, จีน, ยูเครน, เอสวาดอ, ฟินแลนด์, และ จอร์เจีย

Read more

Dethrone: From Quantitative Easing to Digital Currencies - What's Next for the Dollar's Status Quo? (TH)

Dethrone: From Quantitative Easing to Digital Currencies - What's Next for the Dollar's Status Quo? (TH)

In the long run we are all dead. - John Maynard Keynes QE กับทฤษฏีเงินเฟ้อ (ตอนที่ 1): Oversupply Always Leads to Devaluation June 2015 นี่คือกฎเศรษฐศาสตร์พื้นฐานที่เราคุ้นเคยกันดี เมื่อน้ำมันล้นตลาด ราคาน้ำมันก็ตกต่ำ เมื่อแรงงานในประเทศมีมากเกินไป ค่

By Avareum Research
Crypto Narrative 2024: Web 3.0 and Blockchain Adoption

Crypto Narrative 2024: Web 3.0 and Blockchain Adoption

Introduction to Web 3.0 and Blockchain Technology ประเด็นสำคัญ Web 3.0 หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า “Semantic Web” หรือ “Decentralized Web” นับเป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในโลกดิจิทัล โดยนำเสนอประสบการณ์ส่วนบุคคล ผ่านระบบสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract)

By Avareum Research