Avareum Market Outlook: February 2023
Global Macro View
ข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา
ตัวเลขทางเศรษฐกิจในส่วนของอัตราการว่างงานมีการปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนธันวาคม 2565 โดยปรับตัวลดลงจาก 3.7% มาอยู่ที่ 3.5% และในส่วนของอัตราเงินเฟ้อก็ปรับตัวลดลงเป็นไปตามที่ Forecast ไว้ 6.5% แต่ในหมวดของดัชนีที่ชี้วัดการขยายตัวของภาคการผลิตและภาคบริการมีการหดตัวมาอยู่ที่ 48.4 และ 49.6 ตามลำดับ
ซึ่งการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเพื่อคุมเงินเฟ้อของ FED เป็นการเพิ่มต้นทุนของการทำธุรกิจ จุดนี้จะทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจได้รับผลกระทบตามมา และจากการ Survey ของมหาวิทยาลัย Michican (UoM) แสดงถึงความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของสหรัฐเพิ่มขึ้นจากกลางปี 2565 ที่ความเชื่อมั่นอยู่ในระดับต่ำที่ 47.7 มา ณ ปัจจุบันในเดือนมกราคม 2566 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาเป็น 64.9 ทำให้ภาพรวมค่อนข้างดี
จากการประชุมของ FOMC รอบที่ผ่านมา FED วางแผนที่จะปรับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม 2566 ลดลงเหลือเพียง 0.25% และยืนยันอย่างแข็งกร้าวไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามก็จะทำให้เงินเฟ้อเข้าสู่เป้า 2% ให้ได้
Global Asset Index
การเปลี่ยนแปลงดัชนีสินทรัพย์ต่าง ๆ เทียบกับตลาดคริปโต
Crypto Market Overview
มูลค่าของตลาดคริปโทเคอร์เรนซี (Total Crypto Market Cap.)
ในช่วงปลายปี 2565 มีเหตุการณ์สำคัญที่ส่งผลกระทบกับตลาดคริปโตอย่างเหตุกาณ์ FTX ล่มสลายในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2565 ที่ทำให้มูลค่าของตลาดคริปโตปรับตัวลดลงจาก $1T มาอยู่ที่ $750B ในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2565 ( ปรับตัวลดลง 25%) และได้เริ่มมีกระแสในการตรวจสอบความโปร่งใสของ Centralized Exchange (CEX) ในเรื่องของ Proof of Reserve ในระยะสั้นที่มีการตื่นตัวเรื่องนี้ทำให้เงินจำนวนหนึ่งไหลออกจาก CEX ไปเก็บบน Hardware Wallet นักลงทุนตื่นตัวหันมาดูแลเงินของตัวเอง (Self-Custody) และมีปริมาณการเทรดบน Decentralized Exchange (DEX) เพิ่มขึ้นจากเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ว่าจะเป็น Uniswap, DYDX และ GMX เป็นต้น ถึงแม้ว่า CEX จะมีการเปิดเผย Reserve ของตัวเองแต่ก็มีความกังวลอีกครั้งเรื่องความโปร่งใส เมื่อบริษัทที่รับทำการ Audit อย่าง Marzars ถอนตัวออกจากการ Audit ทุกบริษัทที่เกี่ยวข้องกับตลาดคริปโต พร้อมกับสำนักข่าวคริปโตบางสำหนักตีกระแสข่าวของ Binance Exchange ว่ามีเงินไม่เพียงพอที่จะ Cover เงินของลูกค้าแบบ 1:1 ทำให้มีเงินไหลออกจาก Binance ในปริมาณมาก โดยในวันที่ 14 ธันวาคมมีเงินไหลออกสุทธิ $4.27B จนทำให้ Proof of Reserve Balance ของ Binance ลดลงมาเหลือ $63B นอกเหนือจากเหตุการณ์ที่กล่าวมาข้างต้น ยังมีเหตุการณ์ของผลกระทบลูกโซ่ที่เกิดจาก FTX คือ CeFi เจ้าต่าง ๆ ที่ต่างพากันยื่นล้มละลายมาตราที่ 11 (Chapter 11) โดยหนึ่งในนั้นที่นักลงทุนมีความกังวลคือ Genesis ที่เป็นบริษัทลูกของ Digital Currency Group (DCG) ที่ได้มีการประกาศระดมทุนเพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับบริษัท แต่สุดท้ายก็ไม่หาเงินทุนมาเพิ่มเติมได้ จนทำให้บริษัทต้องยื่นล้มละลายในที่สุด
หลังจากเหตุการณ์ความกังวลต่าง ๆ ค่อนข้างคลี่คลาย ประกอบกับตัวเลขทางเศรษฐกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้นมาบ้างไม่ว่าจะเป็น Advance GDP รายไตรมาสที่เป็นบวก ตัวเลขคนว่างงานปรับตัวลดลง และระดับเงินเฟ้อที่ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 6.5% เป็นไปตามค่าที่ประเมินไว้ ทำให้มูลค่าของตลาดคริปโตปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก $750B มาแตะที่แนวต้าน $1T อีกครั้ง
ทางทีม Avareum Research มองว่าการที่ตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นเพียงแค่การ Bounce อาจจะเกิดเหตุการณ์ Bull Trap คือ ตลาดไม่ได้เปลี่ยนเป็นแนวโน้มขาขึ้นอย่างแท้จริง อ้างอิงจากข้อมูล On-Chain Data ที่ข้อมูลของมูลค่าตลาดที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่สอดคล้องกับข้อมูล On-Chain อย่างเช่น ยังคงมีปริมาณ Stable Coin ที่ไหลออกจากทุก Exchange เพิ่มขึ้นโดย Stable Coin Balance ของทุก Exchange มีการปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ $34B ซึ่งแตกต่างจากมูลค่าตลาดระดับเดียวกันในเดือนพฤศจิกายน 2565 ที่ Balance ของ Stable Coin มากกว่า $45B ประกอบกับ Smart Money มีการจัดสัดส่วนการถือ Stable Coin ยังสูงอยู่ประมาณ 25-40% ถ้าตลาดจะกลับเป็นขาขึ้นจริงข้อมูลดังกล่าวควรจสอดคล้องกัน
Fear & Greed Index
Multifactorial Crypto Market Sentiment Analysis
ค่า Fear and Greed Index ที่เป็นค่าที่บ่งบอกถึงความกลัวและความโลภของนักลงทุนในตลาดคริปโต ค่า Index โดยค่า Fear and Greed Index เมื่อเดือนที่แล้วมีค่าอยู่ที่ 25 ส่วนในปัจจุบันจากการที่มูลค่าตลาดคริปโตปรับตัวเพิ่มขึ้นมา $1T และราคา Bitcoin ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาประมาณ 38.12% ทำให้ Sentiment ในตลาดตอนนี้เริ่มมองโลกในแง่ดีและเกิดความโลภ (Greed) ทำให้ค่า Index ตอนนี้ลดลงมาอยู่ที่ 61 (Greed)
Crypto Technical Analysis
วิเคราะห์เหรียญ Bitcoin (BTC) และ Ethereum (ETH) ด้วย Technical Analysis
Bitcoin (BTC)
มุมของการวิเคราะห์ Technical Analysis ทางทีม Avareum Research มองว่า ณ จุุดนี้ $BTC ได้ผ่านแนวต้านที่ $23,000 ขึ้นมาแล้ว ถ้าจะเกิดการย่อและไม่เสีย Momentum ก็ไม่ควรหลุดราคา $21,000 ที่เป็นแนวรับที่มีการสะสมของ Volume Profile ช่วง 7 วันที่ผ่านมา และยังเป็นจุดที่มีการย่อตาม Fibo Retracement 38.2% หากสามารถยืนในโซนระหว่าง $21,000 ถึง $23,000 ได้ โอกาสที่จะวิ่งไปที่ราคา $29,000 ที่เป็นแนวต้านถัดไปมีสูง โดยปัจจัยหนึ่งที่จะมากดดันราคา คือการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของทาง FED ถ้าไม่เป็นไปตามคาดอย่างที่เคยพูดไว้ว่าใน เดือนกุมภาพันธ์และมีนาคมจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% อาจจะส่งผลต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่จะปรับตัวลดลง ส่วนปัจจัยในเรื่อง Genesis ที่เป็นบริษัทลูกของ Digital Currency Group (DCG) ที่เป็นเจ้าของ Grayscale กองทุนขนาดใหญ่ที่ขาย GBTC หลังจากที่ได้ประกาศออกมาว่า Genesis ยื่นล้มละลายในมาตราที่ 11 (Chapter 11) ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับราคา $BTC อย่างที่หลายคนกังวล
Ethereum (ETH)
มุมของการวิเคราะห์ Technical Analysis ทางทีม Avareum Research มองว่า ณ จุดนี้ราคาของ $ETH ได้ผ่าน Supply Zone ระหว่าง $1,500 ถึง $1,600 ขึ้นมาได้ มีการย่อลงมา Test แต่ก็ไม่หลุดโซนตรงนี้ ทำให้ค่อนข้างมีมุมมองที่เป็นบวกกับ $ETH ในมุมของราคา และนอกเหนือจากนั้นยังมีปัจจัยด้าน Technical เข้ามา Support สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตที่จะช่วยขับเคลื่อนราคา อย่างปัจจัยของการอัพเกรดที่จะเสร็จสิ้นในเดือนมีนาคม 2566 อย่าง Shanghai Upgrade ที่จะทำให้คนที่นำ $ETH มา Stake เพื่อทำ Proof of Stake (PoS) ไว้บน Beacon Chain จะสามารถถอนออกมาได้ โดยเราเปรียบเทียบพฤติกรรมของราคาในเหตุการณ์อื่น อย่างเช่นการอัพเกรด The Merge ที่เกิดขึ้นไปในปี 2565 ก็มีการเพิ่มขึ้นของราคา หลังจากเหตุการณ์เกิดขึ้นจริงถึงจะมีการปรับตัวลดลงของราคา “Sell On Fact” โดยแนวต้านถัดไปจะอยู่ที่ระดับราคา $2,000
Market Outlook for Next Month
ประเด็นที่น่าจับตามองในเดือนกุมภาพันธ์ นอกจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ได้มีการกล่าวไปแล้วในส่วนของ Macro View ที่เราคงต้องติดตามในเรื่องของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ FED บอกว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยในอัตรา 0.25% ในเดือนกุมภาพันธ์และเดือนมีนาคม ว่าจะเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้หรือไม่
ส่วนปัจจัยที่จะมากดดันราคาของ $BTC ก็ค่อนข้างจะคลี่คลายหลังจากที่ Genesis ออกมาประกาศยื่นล้มละลายก็ไม่ได้ส่งผลกระทบกับราคาของ $BTC โดยในระยะกลางช่วงประมาณเดือนกรกฏาคมจะมีการคืน $BTC จาก Mt.Gox ให้กับเจ้าหนี้ ที่จะเป็นปัจจัยเชิงลบในการกดดันราคา และช่วงใกล้ปลายปี 2566 ที่ใกล้กับการ halving ของ Bitcoin ส่วนนี้ก็จะกลับมาเป็นปัจจัยเชิงบวกกับราคา $BTC อีกครั้ง
สำหรับ $ETH จะมีปัจจัยเชิงบวกเกี่ยวกับเรื่องการอัพเกรดในเดือนมีนาคม Shanghai Upgrade ซึ่งจะเป็น Upgrade อย่างน้อย 1 อย่างที่เราจะได้เห็น แต่ถ้า Best Case Scenario คือการได้เห็นการอัพเกรดอย่างที่ 2 คือ Proto-Danksharding ที่จะทำให้ค่า Gas Fee ของ Ethereum ถูกลงไปอีก ซึ่งทั้ง 2 การอัพเกรดนี้จะเป็นปัจจัยที่ส่งเสริมระบบนิเวศน์ของ Ethereum เป็นอย่างมาก
Disclaimer: Avareum Research is an independent crypto research firm committed to providing unbiased and informative content. While we strive for complete objectivity, it's important to note that the research industry is inherently complex and may be influenced by various factors. To ensure transparency, we disclose any potential conflicts of interest, such as financial sponsorships or investments in the crypto space. Ultimately, all research and analysis provided by Avareum Research is intended for informational purposes only and should not be considered financial advice. Please consult with a qualified professional before making any investment decisions.
© 2024 Avareum Research. All Rights Reserved. This article is provided for informational purposes only. It is not offered or intended to be used as legal, tax, investment, financial, or other advice.