Avareum Market Outlook: May 2023
Macroeconomics
Inverted Yield Curve
ปัจจัยที่น่าสนใจในการพิจารณาเศรษฐกิจโลกในปัจจุบันมีอยู่หลายประเด็น โดยเราจะโฟกัสไปที่ความเสี่ยงที่จะเกิด Recession โดยดูจากผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้น เทียบกับพันธบัตรระยะยาว หรือ Inverted Yield Curve
ในภาวะปกติ การลงทุนในพันธบัตรระยะสั้นมักจะมีผลตอบแทนต่ำกว่าพันธบัตรระยะยาว ด้วยเหตุผลด้านสภาพคล่องที่สูงกว่า (ซึ่งนี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ธนาคารหลายแห่งในสหรัฐล้มลง เนื่องจากถือพันธบัตรระยะยาวจำนวนมาก จนสภาพคล่องไม่มากพอเมื่อเกิดภาวะ Bank Run) แต่เมื่อเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ recession นักลงทุนจำนวนหนึ่งจะเทขายสินทรัพย์เสี่ยงและไปลงทุนในพันธบัตรระยะยาวมากขึ้นเพื่อลดความเสี่ยง เมื่อความต้องการพันธบัตรระยะยาวสูงขึ้น ผลตอบแทนของพันธบัตรจึงลดลง
จากภาพในอดีตจนถึงปัจจุบัน เมื่อไหร่ก็ตามที่ผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นสูงกว่าพันธบัตรระยะยาว เมื่อนั้นจะตามมาด้วยเศรษฐกิจตกต่ำ ไม่ว่าจะเป็นช่วงวิกฤติเงินเฟ้อในปี 1989, ฟองสบู่ดอทคอมในปี 2000 และวิกฤติซับไพร์มในปี 2008
Inflation
ภาวะเงินเฟ้อสหรัฐเดือนมีนาคม 2023 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 5.0% ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังสูง 5.6% ปัจจัยหลักมาจากราคาที่อยู่อาศัยเพิ่มสูงขึ้น ส่วนสินค้าโภคภัณฑ์ชะลอตัว ในขณะที่ราคาพลังงานเริ่มลดลง
ในกรณีที่เงินเฟ้อลดลงต่อเนื่องความเสี่ยงของเศรษฐกิจที่จะเข้าสู่ stagflation อาจจะลดลง แต่หากเงินเฟ้อลงได้ไม่มากนัก ภาวะ recession ในช่วงที่เงินเฟ้อสูงจะทำให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่สภาวะ stagflation ที่ส่งผลรุนแรงต่อกำลังการบริโภคได้มากขึ้นไปอีก
แต่ FED ยังคงมีการลดงบดุลอย่างต่อเนื่อง (แม้งบดุลจะเพิ่มขึ้นมา 5 แสนล้านเหรียญสหรัฐในช่วงที่เกิดวิกฤติธนาคารล้มละลายก็ตาม)
ในสถานการณ์นี้ เราเชื่อว่าสหรัฐอเมริกาอาจจะไม่สามารถขึ้นดอกเบี้ยได้มากนักในช่วงปี 2023 และอาจจะเป็นช่วงท้าย ของดอกเบี้ยขาขึ้นซึ่งอาจจะอยู่ในช่วงปลายปี 2023
ซึ่งสถานการณ์ล่าสุดผลตอบแทนพันธบัตร 2 ปีพุ่งสูงกว่าผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีแล้วอย่างมีนัยยะ ตัวชี้วัดนี้อาจจะบ่งบอกว่าเศรษฐกิจกำลังเข้าสู่ recession อย่างเป็นทางการแล้ว
Capital Flow
ในช่วงที่ผ่านมาสหรัฐอเมริกาประสบปัญหาธนาคารหลายแห่งล้มละลาย ไม่ว่าจะเป็น Silicon Valley Bank, Signature Bank และล่าสุดคือ First Republic Bank จากการขาดสภาพคล่องจากการที่ธนาคารสหรัฐปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างรุนแรงในช่วงปีที่ผ่านมา ทำให้ธนาคารเหล่านี้ขาดทุนจากการถือครองพันธบัตรสหรัฐระยะยาว และขาดสภาพคล่องที่จะรองรับการแห่ถอนเงินของผู้ฝากเงินได้ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมากดดันเงินดอลลาร์ให้อ่อนค่าลงอย่างมีนัยยะ
แต่ถ้าดูเม็ดเงินที่ไหลเข้าดอลลาร์ในช่วงเดือนเมษายน เราจะยังเห็นได้ว่า capital inflows เข้าดอลลาร์ยังคงเป็นบวกอยู่ที่ 0.91% โดยทีมงาน Avareum เคยวิเคราะห์ไว้ว่า ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันระหว่างสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ ยังเป็นส่วนต่างที่สูงอยู่มาก เราจึงมีความเห็นว่า แนวโน้มดอลลาร์น่าจะยังคงแข็งตัวต่อเนื่องจาก capital inflows ที่น่าจะยังคงไหลเข้าสู่เงินดอลลาร์ หากแนวโน้มการล้มของธนาคารสหรัฐนั้นจบลง (แต่กลับกัน หากวิกฤติธนาคารของสหรัฐยังคงเดินหน้าต่อ ก็อาจจะส่งผลต่อความมั่นใจในดอลลาร์สหรัฐได้)
รวมไปถึงการลดงบดุลของ FED อาจจะจบลงเร็วกว่าที่คาด หากสถานการณ์เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาเริ่มเข้าสู่ภาวะ recession ตามการคาดการณ์
ในขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาอาจจะได้รับอานิสงค์จากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย ที่จะมีเงินไหลเข้ามาที่ตลาดทุนสหรัฐมากขึ้น ทำให้มุมมองของ Avareum Research ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาโดยเฉพาะกับกลุ่มหุ้นเทคโนโลยีที่มีการปรับฐานลงมารุนแรงในปี 2022 (นับจากต้นปี 2023 Nasdaq Composite ปรับตัวขึ้นมาประมาณ 17.85%)
หากเราสังเกตภาวะการเกิด inverted yield curve ที่ชัดเจน แต่ตลาดหุ้นสหรัฐกลับยังอยู่ในภาวะขาขึ้น รวมถึง capital inflows ที่ยังคงไหลเข้าสหรัฐอเมริกาทำให้เราพอจะคาดการณ์ได้ว่า เม็ดเงินของสินทรัพย์เสี่ยงนอกสหรัฐอเมริกาน่าจะไหลเข้าสู่ดอลล่าร์ และไปลงทุนทั้งในตลาดหุ้นสหรัฐ และตลาดพันธบัตรสหรัฐ (เราต้องย้ำกว่า ภาวะเศรษฐกิจ recession ที่เกิดขึ้น อาจจะไม่ได้สัมพันธ์กับตลาดหุ้นมากนัก หมายความว่ามีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจ real sector จะตกต่ำ แต่ตลาดหุ้นกลับเป็นขาขึ้นก็มีความเป็นไปได้)
ตารางที่ 1 ข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา
Crypto Indicator
Global Asset Index
การเปลี่ยนแปลงดัชนีสินทรัพย์ต่าง ๆ เมื่อเทียบกับตลาดคริปโตฯ ($BTC, $ETH) แสดงดังรูปด้านล่าง
Fear & Greed Index
Multifactorial Crypto Market Sentiment Analysis
ค่า Fear and Greed Index ที่เป็นค่าที่บ่งบอกถึงความกลัวและความโลภของนักลงทุนในตลาดคริปโต ค่า Index โดยค่า Fear and Greed Index เมื่อเดือนที่แล้วมีค่าอยู่ที่ 57 ส่วนในปัจจุบันมูลค่าตลาดคริปโตปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ $1.173T และราคา Bitcoin ปรับตัวเพิ่มจากเดือนมีนาคมขึ้นมาอยู่ที่ $29,468 ทำให้นักลงทุนค่อนข้างมี Sentiment ที่เป็นเชิงบวกกับตลาดคริปโตพอสมควร โดย ณ ปัจจุบันค่า Index ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 64 (Greed)
Crypto Market Overview
มูลค่าของตลาดคริปโทเคอร์เรนซี (Total Crypto Market Cap.)
จากปลายเดือนมีนาคมมูลค่าของตลาดคริปโตอยู่ที่ประมาณ $1.09T ได้ปรับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดในเดือนเมษายนที่ $1.25T หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 14.67% ก่อนที่จะปรับตัวลงมา ระหว่างทางในเดือนเมษายนมีข่าวออกมาเกี่ยวกับ กลต ของสหรัฐฟ้อง Token ต่างๆและ Exchange มาตลอดทางในมุมของ Security Token ฝ่ายวิจัย Avareum มองว่าในเดือนพฤษภาคมถัดไป ยังไม่มีข่าวอะไรที่เป็นปัจจัยเชิงบวกมากนัก ในส่วนของความกังวลของฝั่ง Traditional Asset ที่อาจจะมีผลกระทบกับโลกคริปโตจะเป็นเรื่อง “Sell in May” ที่กองทุนต่างๆมักจะปรับพอร์ตในช่วงเดือนพฤษภาคม และช่วงปี 2022 เป็นต้นมาตลาดคริปโตค่อนข้างมีความสัมพันธ์ในเชิงบวกกับตลาดหุ้นสหรัฐโดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีค่อนข้างมาก ต้องคอยติดตามว่าปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลต่อราคาคริปโตในเดือนพฤษภาคมหรือไม่?
ในฝั่งของตัวเลขทางเศรษฐกิจมุมมองฝ่ายวิจัย Avareum มองว่าอาจจะไม่มีผลเชิงลบมากนัก เนื่องจากนักลงทุนได้รับรู้ไปแล้วว่าสภาพเศรษฐกิจแย่ลงและกำลังดำเนินไปสู่การเกิด Recession ถ้าทั้งปัจจัยเชิงบวกและเชิงลบไม่ได้มีมากนัก คาดว่าตลาดคริปโตอาจจะวิ่งอยู่ในกรอบช่วงระว่าง $1.10T ถึง $1.25T ในเดือนพฤษภาคม
Crypto On-Chain Data
Bitcoin: Realized Cap - UTXO Age Bands (%)
Realized Cap-UTXO Age Bands เป็นข้อมูล On-Chain ที่ใช้วัดมูลค่าของ Bitcoin ในกลุ่มคนที่ถือ Bitcoin ในระยะเวลาต่างๆกันว่ามีสัดส่วนเป็นเท่าไร เพื่อใช้วัด Sentiment ของตลาดว่านักลงทุนมีมุมมองเป็นยังไง โดยเราใช้กระเป๋าที่มีอายุในการถือ Bitcoin ในช่วง 1 ปี ถึง 2 ปีใช้เป็นตัวแทนกลุ่มคนที่ลงทุนระยะยาว เมื่อเทียบกับข้อมูลช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาสัดส่วนของกระเป๋าที่ถือ Bitcoin ในระยะเวลา 1-2 ปี มีสัดส่วนอยู่ที่ 37.18%
ส่วนในปัจจุบันกระเป๋าที่ถือ Bitcoin ระยะเวลา 1-2 ปี มีสัดส่วนที่ลดลงมาอยู่ที่ 31.11% จะเห็นได้ว่าสัดส่วนการลงทุนของคนถือระยะ 1-2 ปี ลดลง เนื่องจากราคา Bitcoin ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 1 เดือนที่ผ่านมาทำให้นักลงทุนระยะ 1-2 ปี ขาย Bitcoin เพื่อปรับ Position ออกไป โดยราคาจาก 1 เดือนที่ผ่านมา Bitcoin ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก $27,250 มาอยู่ที่ $29,303 (เพิ่มขึ้น 7.53%)
Bitcoin: Exchange Netflow (Total) - All Exchanges
ณ ปัจจุบันมีการโอน Bitcoin ออกจาก Exchange ทุก Exchange ปริมาณ 279 BTC ที่ Bitcoin ราคา $29,303 มีปริมาณลดลงเมื่อเทียบกับช่วงระยะเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา มีการโอน Bitcoin ออกจาก Exchange ทุก Exchange ปริมาณ 5,147 BTC ที่ Bitcoin ราคา $27,250
โดยถ้ามองจาก Sentiment ณ ปัจจุบันในช่วงปลายเดือนเมษายน ยังมีความต้องการซื้อ Bitcoin เราจะเห็นว่ามีปริมาณโอน Bitcoin ออกจาก Exchange ติดต่อ 2 เดือน แต่ความต้องการน้อยลงจากเดือนมีนาคมเนื่องจากราคาของ Bitcoin มีการปรับตัวสูงขึ้น
Ethereum: Exchange Netflow (Total) - All Exchanges
ณ ปัจจุบันมีการโอน Ethereum ออกจาก Exchange ทุก Exchange ปริมาณ 27,246 ETH ที่ Ethereum ราคา $1,890 มีปริมาณการโอนออกมากกว่า 1 เดือนที่ผ่านมาที่มีการโอน Ethereum เข้าสู่ Exchange ทุก Exchange สูงถึง 18,241 ETH ที่ Ethereum ราคา $1,772 โดยเราสามารถอนุมานได้ว่าการโอน Ethereum ออกจาก Exchange มันแปลว่า ผู้เล่นในตลาดเข้ามาซื้อ Ethereum ใน Exchange มากขึ้นเมื่อเทียบกับ 1 เดือนที่ผ่านมา
Smart Money: Stablecoins Allocation
Stablecoins Allocation ถือว่าเป็นอีกหนึ่งข้อมูล On-Chain ที่ใช้บอก Sentiment ของตลาดว่าตอนนี้ Smart Money มีมุมมองกับตลาดเป็นยังไง ตอนนี้มองตลาดเป็นตลาดขาขึ้น (Bullish) หรือตลาดยังคงเป็นขาลงอยู่ (Bearish) ในสมมุติฐานที่ว่า Smart Money ย่อมมีข้อมูลบางอย่างที่ใช้ใน การตัดสินใจที่ดีกว่านักลงทุนรายย่อย โดยสัดส่วนของ Stable Coin ที่อยู่ในกระเป๋าของ Smart Money สามารถใช้เป็นตัว ชี้วัดได้เหมือนกัน ถ้า Smart Money มีการถือ Stable Coin ในกระเป๋าที่เยอะ เราสามารถตีความหมายได้ว่า “ตัว Smart Money ยังมองว่าเป็นตลาดหมีอยู่” แต่ถ้าสัดส่วนของ Stable Coin ในกระเป๋าลดน้อยลง เราสามารถตีความหมายได้ว่า “Smart Money เริ่มมองว่าเป็นตลาดกระทิง”
- ตลาดหมี: สัดส่วนของ Stable Coin 25%-40%
- ตลาดกระทิง: สัดส่วนของ Stable Coin < 25%
ซึ่งข้อมูล On-Chain ณ ปัจจุบันเราจะเห็นว่า ตัว Smart Money ในช่วงต้นเดือนเมษายน Smart Money ปรับลดสัดส่วนของ Stable Coin ลงไปต่ำสุดอยู่ที่ประมาณ 15% ก่อนที่จะมีการเพิ่มสัดส่วนขึ้นเล็กน้อยหลังจากการประกาศข้อมูลทางเศรษฐกิจและราคา Bitcoin ได้ปรับตัวลดลงจากจุดสูงสุด $31,000 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 17% เท่ากับเมื่อปลายเดือนมีนาคม ถึงแม้ว่าตัว Smart Money เองจะกลับมาเพิ่มสัดส่วนของ Stable Coin อีกครั้ง แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่มองตลาดคริปโตในเชิงบวกอยู่
Crypto News
Tracking Zero-Knowledge Rollups on Ethereum [1]
นอกจาก Optimistic Rollup ที่ค่อนข้างเป็นกระแสอย่าง Arbitrum ที่จะมาช่วย Ethereum ในเรื่องของ Scaling Solution ยังมี Scaling Solution อีกตัวหนึ่งที่มีการพูดถึงในหมู่ Developer ว่าจะเป็น End Game ของการทำ Scaling Solution ให้กับ Ethereum อย่าง “Zero Knowledge Rollup” หรือเรียกย่อๆว่า ZK-Rollup โดยทาง Polygon ได้มีการเปิดตัว zkEVM ที่เป็น Ethereum Virtual Machine โดยการเปิดตัวดังกล่าวมาหลังจากทาง zkSync ทำการเปิด Mainnet ในส่วนของ zkSync Era เพียง 3 วันเท่านั้น นอกเหนือจาก Polygon zkEVM กับ zkSync Era แล้วยังมี Scaling Solution ในกลุ่มของ Zk-Rollup ตัวอื่นๆ อีก อย่าง Scroll และ Starknet
โดยจากข้อมูล On-Chain Data ตัว zkSync มีการใช้งานเยอะที่สุดในบรรดา ZK-Rollup โดยมีเงินโอนเข้ามาใช้งาน ZK-Rollup มากถึง $244M และมีการ Deploy DeFi Contract มูลค่าประมาณ $117M เมื่อเปรียบเทียบกับทาง Starknet และ Polygon zkEVM มีการโอนเงินผ่าน Bridge มาใช้งานเพียงแค่ $37M และ $5M ตามลำดับ
ข่าวการ Hack DeFi Protocols ของ Yearn Finance [2] และ SushiSwap [3]
ในวันที่ 10 และ 13 เมษายนที่ผ่านมาได้มีการ Hack เกิดขึ้นกับ Protocols ในยุค DeFi OG ซึ่งอยู่มาในช่วง DeFi Summer ในปี 2021 อย่าง Yearn Finance และ SushiSwap โดยในส่วนของ Yearn Finance ได้โดน Hacker ทำการ hack ในส่วนของ yUSDT Token Contract ทำการควบคุมราคา (Manipulation) ทำการสร้าง yUSDT Token ออกมาประมาณ 1.2 quadrillion ด้วยการใช้เงินเพียง $10k โดยทาง Yearn Finance สูญเงินไปทั้งสิ้น $10M
ในส่วนของ SushiSwap เป็นทางฝั่งของผู้ใช้งานตัว Protocol ที่ถูกขโมยเงินและสูญเสียไปมากถึง $3M โดย Hacker ทำการสร้าง Uniswap Pool Contract ของปลอมขึ้นมาแล้วทำการแทรกลงไปใน Smart Contract ใหม่ของ Sushi ทำให้ User ที่มีการ Approve Contract ดังกล่าวจะโดน Hacker ขโมยเงินออกไป
South Korean Authorities ‘in the Process’ of Freezing Do Kwon’s Assets [4]
ทางการเกาหลีใต้กำลังรอคำสั่งศาลให้อายัดทรัพย์สินมูลค่า $5.3M ของ Do Kwon ผู้ร่วมก่อตั้ง Terraform Labs และยังคอยติดตามธุรกรรมการเงินในต่างประเทศและบัญชีธนาคารสวิส โดยมีรายงานว่าอัยการได้ขอให้ Binance หยุดการถอนเงินใดๆที่เกี่ยวข้องกับบัญชี Binance ของ Do Kwon
Do Kwon ได้ถูกสอบสวนโดยเจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงปี 2022 อัยการได้มีการสอบสวน Do Kwon ในข้อหาฉ้อโกง เลี่ยงภาษี หลอกลวงนักลงทุน และละเมิดกฎหมายตลาดทุน และในฝั่งของสหรัฐฯ ได้ตั้งข้อหาฉ้อโกงและสมรู้ร่วมคิดในการปั่นราคาของ Terra USD ที่เป็น Algorithmic Stable Coin ของ Terra Luna
นอกจากนี้ เขายังต้องเผชิญกับคดีความในสิงคโปร์ที่ถูกฟ้องร้องโดยนักลงทุน 369 ราย ซึ่งอ้างว่าสูญเสียเงินมูลค่าประมาณ $57M จากการล่มสลายของ Terra USD นักลงทุนอ้างว่า Do Kwon ได้ “บิดเบือนความจริง” เกี่ยวกับเสถียรภาพและความมั่นคงของ Terra Stablecoin จนนำไปสู่การสร้างความเสียหายในวงกว้างแก่นักลงทุน
Coinbase Expands To Bermuda, Eyes Abu Dhabi [5]
หลังจากที่ Coinbase โดนทาง กลตของสหรัฐออกกฏต่าง ๆออกมาเรื่องของ Security Token และมีการสั่งห้ามไม่ให้ทาง Coinbase เปิดการนำเอา ETH มา Staking บน Platform ทำให้ Coinbase มองว่าข้อกำหนด กฏเกณฑ์ต่างๆค่อนข้างเยอะและทาง กลตของสหรัฐก็ไม่ได้มีความชัดเจนในเครื่องของคริปโต ทำให้ Coinbase กำลังมองหาทางเลือกอื่น ๆ ในการเปิดให้บริการนอกประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อหากระแสเงินสดเพิ่มเติม โดยทาง Brian Armstrong ที่เป็น CEO ของทาง Coinbase มองว่าที่แรกที่จะขยายออกไปจะไปตั้งที่ “Burmuda” หลังจากนั้นก็จะมีแผนที่ขยายในส่วนของ Operation ไปที่ Abu Dhabi , Brazil และ Canada ตามลำดับ
Russia Moving Forward With Crypto International Settlement Experiment [6]
มีรายงานว่าธนาคารกลางของรัสเซียกำลังดำเนินการเกี่ยวกับวิธีการใช้งานคริปโต สำหรับการชำระหนี้ระหว่างประเทศ ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ประเทศรัสเซียจะมีทีท่าที่เข้มงวดกับสินทรัยพ์ดิจิทัลดังกล่าวก็ตาม
Elvira Nabiullina หัวหน้าธนาคารกลางของรัสเซียกล่าวว่าจะสร้างองค์กรพิเศษที่สามารถขุดเหรียญคริปโต (Crypto Mining) และใช้เพื่อชำระเงินกับหน่วยงานต่างประเทศโดยข่าวนี้ได้ถูกรายงานโดยสำนักงานข่าวรัสเซีย TASS
โดยองค์กรที่เกี่ยวข้องกับรัฐจะสามารถใช้คริปโต สำหรับการชำระหนี้ดังกล่าวได้ รองประธานธนาคารกลาง Alexei Guznov กล่าวกับสำนักข่าวรัสเซียและบริษัทเอกชนอาจได้รับอนุญาตให้สามารถใช้คริปโตในการชำระหนี้ได้ในอนาคต
Binance Bails on $1B Voyager Asset Deal [7]
Binance US ได้ยุติการเข้าซื้อกิจการของ Vayager มูลค่า $1B ซึ่งเป็นข้อตกลงที่พร้อมดำเนินการอย่างเป็นทางการ โดยทาง Binance ได้ยืนยันข่าวดังกล่าว โดยกล่าวโทษในเรื่องกฏระเบียบที่ไม่มีความชัดเจนของทางฝั่งสหรัฐอเมริกาทำให้ต้องยกเลิกข้อตกลงในครั้งนี้ของ Binance และ Voyager
การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้เริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนธันวาคม 2022 เมื่อทั้งสองบริษัทตกลงที่จะเดินหน้าต่อไปด้วยการประมูลมูลค่า $1B โดยกระทรวงยุติธรรมพยายามขัดขวางการซื้อกิจการของ Binance ในเดือนมีนาคม 2023
ในส่วนของ Voyager ได้ยื่นฟ้องล้มละลายในเดือนกรกฎาคม 2022 หลังจากการล่มสลายของ Terra Luna จากนั้น Voyager ได้ระงับกิจกรรมต่างๆ — รวมถึงการฝาก การถอนเงิน และการซื้อขายของลูกค้า — บนแพลตฟอร์มของตนในต้นเดือนกรกฎาคม และยื่นขอความคุ้มครองการล้มละลายในมาตราที่ 11
Crypto Technical Analysis
วิเคราะห์เหรียญ Bitcoin (BTC) และ Ethereum (ETH) ด้วย Technical Analysis
Bitcoin (BTC)
มุมของการวิเคราะห์ Technical Analysis ทางฝ่ายวิจัย Avareum มองว่า $BTC ยังวิ่งอยู่ในกรอบ $27,000 - $30,000 ที่เป็นแนวรับ/แนวต้าน โดยในช่วงเดือนเมษายน $BTC เคยขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ $31,000 หลังจากนั้นได้ร่วงลงมาอยู่ที่ระดับราคา $27,000 ก่อนที่จะมีการดีดตัวกลับไปอีกครั้งที่ $30,000 และในวันที่ 26 เมษายนได้มีข่าวจากทางบัญชีผู้ใช้งาน Twitter ที่มีชื่อว่า DB ได้รายงานออกมาว่าระบบ Alert ของทาง Arkam ได้แจ้งเตือนมาว่ามีการเคลื่อนไหวของบัญชี $BTC ของรัฐบาลสหรัฐและ Mt. Gox ในการเทขาย Bitcoin ทำให้เกิดแท่ง “Panic Sell” เกิดขึ้นในวันที่ 26 เมษายน ทำให้ราคา $BTC ปรับตัวลดลงมาอย่างรุนแรงในแท่งราคา 4 ชั่วโมงประมาณ 7%
โดยหลังจากนั้นไม่นานทาง Arkam ได้ออกมาประกาศว่า Alter ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นความผิดพลาดของระบบการแจ้งเตือน ซึ่งตัวบัญชี $BTC ของทางรัฐบาลสหรัฐและ Mt.Gox ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวตามที่ประกาศออกไป ทำให้มีแรงซื้อกลับจากการปรับตัวของราคาดังกล่าวและราคากลับมาวิ่งใกล้ๆ $30,000 อีกครั้ง โดยข้อมูลของทาง Mt. Gox เราสามารถทำการเช็คได้ทางเวปไซด์ของ Token Unlock [8]
ส่วนกระเป๋าของ Bitcoin ของรัฐบาลสหรัฐมี 2 กระเป๋าที่มี Bitcoin รวมอยู่ประมาณ 40,000 $BTC
- bc1qe7nk2nlnjewghgw4sgm0r89zkjzsurda7z4rdg
- bc1qf2yvj48mzkj7uf8lc2a9sa7w983qe256l5c8fs
โดยปัจจัยเชิงลบที่จะส่งผลกระทบกับ Bitcoin ในส่วนของฝั่งภาพรวมเศรษฐกิจอาจจะมีไม่เยอะมากแล้วเนื่องจากตลาดรับรู้ไปแล้วว่าการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางจะขึ้นอีกเพียง 0.25% เท่านั้น หรือไม่มีการขึ้นดอกเบี้ยในบางเดือน เนื่องจากว่าอัตราเงินเฟ้อในปัจจุบันอยู่ที่ 5% และอัตราดอกเบี้ยนโยบาย Fed Fund Rate อยู่ที่ 5% เช่นกัน ถ้าขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งเดียวก็จะสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งในอดีตที่ผ่านมา เมื่ออัตราดอกเบี้ยสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อ ก็จะสามารถกดอัตราเงินเฟ้อให้ค่อยๆลดลงจนถึง Target
มุมมองของฝ่ายวิจัย Avareum มองว่าในเรื่องของการปรับอัตราดอกเบี้ยจนทำให้เกิดความกังวลกับสินทรัพย์เสี่ยงอาจจะมีไม่มากนัก แต่แน่นอนว่าจากการประชุมของ Fed ที่ผ่านมาได้ย้ำว่าเราจะไม่เห็นการลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2023 อย่างแน่นอน ส่วนปัจจัยเชิงลบอื่นอย่าง Mt Gox จะคืน Bitcoin ให้นักลงทุน จากตอนแรกจะมีการคืนในช่วงเดือนกรกฏาคมถึงสิงหาคม ได้เลื่อนออกไปเป็นช่วงปลายปี ประมาณเดือนตุลาคม ทางฝ่ายวิจัยมองว่าอาจจะเกิดแรงกดดัน (Sell Pressure) ในการขายในช่วงปลายปี 2023 ในส่วนปัจจัยเชิงบวกยังคงมองในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2024 ที่มีจะมีการ Halving ของทาง Bitcoin เกิดขึ้น กับปัจจัยทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาที่จะเริ่มปรับตัวดีขึ้นบ้าง ที่ทำให้คนมีมุมมองต่อสินทรัพย์เสี่ยงในทางที่ดีขึ้น
Ethereum (ETH)
มุมของการวิเคราะห์ Technical Analysis ทางฝ่ายวิจัย Avareum มองว่า $ETH ยังวิ่งอยู่ในกรอบ $1,800 - $2,100 ที่เป็นแนวรับ/แนวต้าน หลังจากจบกันไปกับ Event ในส่วนของ Shanghai Upgrade ในวันที่ 14 เมษายน 2023 ตรงนี้ราคาของ $ETH ก็ได้ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ $2,100 และจากความกังวลในเรื่องของแรงเทขายเพราะจะมีคนถอน $ETH ออกจาก Beacon Chain ทั้ง Full Withdraw ที่จะถอนทั้งเงินทุน 32 $ETH และ Earning ที่ได้จากการเป็น Validator Node กับ Partial Withdraw ที่จะถอนเพียง Earning เท่านั้น
แน่นอนว่าคนที่มีต้นทุนในการเป็น Validator Node ที่ต่ำก็สามารถถอนทั้งหมดเพื่อขายทำกำไรออกไป และคนที่มีต้นทุนที่สูงกว่าราคาตลาด ก็อาจจะแค่ถอนบางส่วนที่เป็น Earning ออกมาปรับต้นทุนของการทำ Node โดยจาก Dashboard บน Dune Analytic ของ Hildobby จะเห็นว่าปริมาณที่ Stake ไว้ทั้งหมดนั้นมีไม่ถึง 50% ที่ต้นทุนต่ำกว่าราคาปัจจุบัน (In The Money) ทำให้ความเป็นไปได้ที่คนจะถอนจาก Beacon Chain แบบ 100% แล้ว Dump ทิ้งในตลาดรองจึงเป็นไปได้ยาก
แต่นั้นก็ไม่สามารถสรุปออกมาได้อย่างแน่นอนว่าคนที่ถอนจะเทขายอย่างเดียว เพราะยังมีตัวเลือกอื่นอีก เช่น การถอน $ETH ออกมาก็อาจจะนำไป “Restake” กับ Liquid Staking เพื่อความยืดหยุ่นและเป็นการหาผลตอบแทนที่สูงกว่าการนำไป Stake ตรงๆ บน Beacon Chain
โดยจากกราฟราคา เราจะเป็นว่า มีแรงเทขายหลังจากจบ Shanghai Upgrade ในช่วงวันที่ 19 เมษายน เนื่องจากว่าการถอน $ETH ออกไม่สามารถทำได้เลยจะมีเวลาหน่วงในการถอน โดยราคาของ $ETH ปรับตัวลดลงไปอยู่ที่ $1,800
ในแง่ของปัจจัยเชิงลบของ $ETH จะเป็นเรื่อง Sell Pressure หลังจาก Shanghai Upgrade ในส่วนปัจจัยเชิงบวกที่นักวิเคราะห์หลายๆคนมองคือ อัตราการ Staking ควรที่จะเพิ่มขึ้น โดยนักลงทุนจะซื้อ $ETH ในตลาดรองเพื่อนำไป Staking ทำให้สร้าง Buy Pressure ดันราคาของ $ETH
แต่จากข้อมูลการ Tracking On-Chain Data จากทาง Token Unlock จะพบว่าอัตราการ Staking ลดลง จากก่อน Shanghai Upgrade อยู่ที่ประมาณ 15% ณ ปัจจุบันอ้างอิงจากข้อมูลวันที่ 28 เมษายนลดลงมาเหลืออยู่ที่ 14.86% โดยจากข้อมูลเราจะเห็นว่าหลังจาก Shanghai Upgrade ถึงแม้จะมีการ Staking เข้ามา 1.5M $ETH แต่ยังน้อยกว่าการถอนออกจาก Beacon Chain ทีมีปริมาณอยู่ที่ 1.96M $ETH ทำให้ Net Staking Balance ติดลบ
ทางฝ่ายวิจัย Avareum มองว่าปัจจัยการ Staking ยังไม่ส่งผลต่อราคาของ $ETH มากนักจนกว่า Net Staking Balance จะมีค่าเป็นบวก และตัวแปรที่จะเป็นปัจจัยเชิงบวกอีกตัวจะเป็น EIP-4844 (Proto-Danksharding) ที่อาจจะเกิดขึ้นในไตรมาสที่ 4 ปี 2023 ซึ่งการอัพเกรดตัวนี้จะมาช่วยทำให้ค่าธรรมเนียมที่ทำธุรกรรมบน Ethereum Mainnet และ L2 ที่เป็น Scaling Solution ของ Ethreum ถูกลง
Market Outlook for Next Month!
ตัวเลขทางเศรษฐกิจในเดือนเมษายนจะเห็นว่า Inflation ได้ลดลงมาอยู่ที่ 5% แต่ตัว Core Inflation ไม่ค่อยลดลงมากนัก ทำให้เดือนพฤษภาคมจะต้องมาดูว่า Core Inflation หรือ Core CPI จะปรับตัวลงได้มากขึ้นหรือไม่ เนื่องจากตัวเลขทางฝั่งภาคบริการ (Service) ยังคงดีอยู่ แต่จากการประชุมของ FED ที่ผ่านมามองว่าทางเลือกในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายแบบ Aggresive ที่ 0.5% น่าจะเป็นไปได้ยาก ขึ้นอย่างมาก 0.25% ซึ่งในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมในวันที่ 4 พฤษภาคมต้องมาคอยติดตามกันว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเป็นไปตามที่คาดการณ์หรือไม่ที่ 0.25%
ในฝั่งของคริปโตเหตุการณ์ที่ควรติดตามจะเป็นเรื่อง Post-Shanghai Upgrade ว่าอัตราในการ Staking จะเพิ่มขึ้นหรือไม่? เพราะนักวิเคราะห์หลายๆสำนักต่างคาดการณ์กันว่า การที่นักลงทุนสามารถที่จะถอน $ETH จาก Beacon Chainได้นั้น จะทำให้ความกังวลที่จะโดน Lock $ETH น้อยลง จนทำให้คนเกิดความสบายใจในกับการ Staking มากขึ้น
ส่วนในไตรมาสที่ 4 ของปี 2023 ต้องมาลุ้นกันว่าเราจะได้เห็น EIP-4844 Proto-Danksharding เสร็จสมบูรณ์ในปีนี้หรือไม่? ที่จะช่วยส่งเสริมให้เกิดการใช้งานและ Adoption ที่มากขึ้นในฝั่งของ Ethereum ส่วนของ Bitcoin จะมีเรื่อง Mt.Gox ที่จะคืน $BTC ให้กับนักลงทุนในช่วงไตรมาส 4 ปี 2023 ที่หลายคนมองว่าจะมีแรงเทขายเกิดขึ้นเพื่อทำกำไร
Refernces
[1] Rice, J. (2023, March 11). Don’t panic: “Circle will stand behind USDC and cover any shortfall.” Blockworks. https://blockworks.co/news/circle-stand-behind-usdc
[2] Rekt - Yearn - REKT 2. (2023, April 13). Rekt. https://rekt.news/yearn2-rekt/
[3] Rekt - SushiSwap - REKT. (2023, April 10). Rekt. https://rekt.news/sushi-yoink-rekt/
[4] Ross, K. (2023, April 11). South Korean Authorities ‘in the Process’ of Freezing Do Kwon’s Assets. Blockworks. https://blockworks.co/news/south-korea-freezing-do-kwon-assets
[5] Sinclair, S. (2023, April 20). Coinbase expands to Bermuda, Eyes Abu Dhabi and derivatives. Blockworks. https://blockworks.co/news/coinbase-abu-dhabi-bermuda-derivatives
[6] Strack, B. (2023, April 19). Russia moving forward with crypto international settlement experiment. Blockworks. https://blockworks.co/news/russia-crypto-international-settlement-experiment
[7] Cirrone, J. (2023, April 25). Binance bails on $1B Voyager asset deal. Blockworks. https://blockworks.co/news/binance-bails-voyager-asset-deal
[8] TokenUnlocks. (n.d.). https://token.unlocks.app/events/mtgox
Disclaimer: Avareum Research is an independent crypto research firm committed to providing unbiased and informative content. While we strive for complete objectivity, it's important to note that the research industry is inherently complex and may be influenced by various factors. To ensure transparency, we disclose any potential conflicts of interest, such as financial sponsorships or investments in the crypto space. Ultimately, all research and analysis provided by Avareum Research is intended for informational purposes only and should not be considered financial advice. Please consult with a qualified professional before making any investment decisions.
© 2024 Avareum Research. All Rights Reserved. This article is provided for informational purposes only. It is not offered or intended to be used as legal, tax, investment, financial, or other advice.