Avareum Market Outlook: October 2023
Macroeconomics
Capital Flow
ถ้าดูเม็ดเงินที่ไหลเข้าดอลลาร์ในช่วงเดือนกันยายน 2023 เราจะยังเห็นได้ว่า Capital Inflows เข้าดอลลาร์ยังคงเป็นบวกต่อเนื่องที่ 1.50% โดยแข็งตัวขึ้นจากจุดต่ำสุด (อ้างอิง Dollar Index) ถึงกว่า 7% แล้ว โดยทีมงาน Avareum เคยวิเคราะห์ไว้ว่า ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันระหว่างสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ ยังเป็นส่วนต่างที่สูงอยู่มาก แนวโน้มดอลลาร์จึงแข็งตัวต่อเนื่องจาก Capital Inflows ที่ไหลเข้าสู่เงินดอลลาร์
ประกอบกับตัวเลขเงินเฟ้อล่าสุดยังคงอยู่ในระดับที่สูง (แม้จะลดลงจาก 9% มาที่ 3.7% แล้วก็ตาม) จึงมีสัญญาณแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยจาก FED ต่อในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมากดดันให้ดอลลาร์แข็งค่าอย่างรวดเร็ว
แต่อย่างไรก็ตาม อัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าระดับ 6-7% ถือเป็นความเสี่ยงที่จะกดดันเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกามาก ทำให้เรายังคงยืนยันตามเห็นเดิมว่า เราเริ่มใกล้ที่จะเห็นจุดสิ้นสุดของการขึ้นดอกเบี้ยของ FED แล้ว จึงทำให้ดอลลาร์อาจจะมีแนวโน้มแข็งตัวถึงระดับหนึ่งก่อนจะเริ่มหมดกำลังสอดคล้องกับช่วงระยะเวลาการขึ้นดอกเบี้ยระยะสุดท้าย
ผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีของสหรัฐแตะ 4.7% ซึ่งเป็นอัตราสูงสุดในรอบ 16 ปีตั้งแต่วิกฤติ Subprime การที่ผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวเพิ่มสูงขึ้น หมายถึงนักลงทุนเทขายพันธบัตรระยะยาว (ซึ่งปกติเป็นที่พักเงินในภาวะเศรษฐกิจมีความเสี่ยงสูง) ย้ายเงินไปที่สินทรัพย์อื่น ซึ่งเหมือนกับเป็นสัญญาณที่ดีที่นักลงทุนกลับมามองเศรษฐกิจในแง่บวกมากขึ้น แต่ในสภาพปัจจุบันซึ่งคนส่วนใหญ่ยังคงกังวลกับสภาวะเศรษฐกิจอยู่ แต่กลับเกิดการทิ้งพันธบัตรระยะยาว อาจจะเกิดจากการที่นักลงทุนคาดการณ์ว่า FED จะยังไม่ลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเร็วๆ นี้ด้วยเหตุผลที่เงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับที่สูง
Inflation
ภาวะเงินเฟ้อสหรัฐเดือนสิงหาคม 2023 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 3.7% เพิ่มขึ้นจากจุดต่ำสุดที่ 3.0% และยังคงสูงกว่าเงินเฟ้อที่ FED ต้องการอยู่อีกพอสมควร
แต่ FED ยังคงมีการลดงบดุลอย่างต่อเนื่อง ลงมาอยู่ที่ 8 ล้านล้านเหรียญแล้ว จุดที่น่าสนใจคือ การลดงบดุลของ FED คือการลดการถือครองพันธบัตรรัฐบาล ในภาวะที่รัฐบาลสหรัฐมีความจำเป็นต้องกู้เงินจำนวนมหาศาล แต่ผู้ซื้อหลักคือ FED กับลดการถือครอง นั่นหมายถึงว่า จะต้องมีผู้ซื้อรายอื่นเข้ามา หากผู้ซื้อ (investor:demand) มีจำนวนน้อยกว่าผู้ขาย (US Government:supply) ราคาพันธบัตรก็จะลดลง ทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรสูงขึ้น (ซึ่งก็สอดคล้องกับตัวเลขผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของสหรัฐเพิ่มขึ้น new high ที่กล่าวไว้ข้างต้น)
ในขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาที่ผ่านมาได้รับอานิสงค์จากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย ที่ทำให้เงินไหลเข้ามาที่ตลาดทุนสหรัฐมากขึ้น มุมมองของ Avareum Research ระยะยาวยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาต่อเนื่อง โดยเฉพาะกับกลุ่มหุ้นเทคโนโลยีที่มีการปรับฐานลงมารุนแรงในปี 2022 แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยการกลับตัวที่รุนแรงมาทะลุแนวต้านที่ 61.8% มาถึงแนวต้านที่ 78.6% ทำให้ในระยะสั้นมีมีการปรับฐานอยู่พอสมควรตามที่เราได้เคยคาดการณ์ไว้
การขึ้นดอกเบี้ยรวมถึงแนวโน้มการคงดอกเบี้ยในระดับสูงของ FED น่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันตลาดหุ้น โดยแนวโน้มเรายังคงมองภาพตลาดหุ้นสหรัฐในแง่บวกในระยะยาว แต่มีเงื่อนไขที่ว่า EPS ของตลาดควรจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ เพื่อให้ Earning Yield Gap เมื่อเทียบกับผลตอบแทนพันธบัตรยังคงอยู่ในระดับสูง แต่หาก EPS ของตลาดไม่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ ประกอบกับ Capital Flow เริ่มหยุดไหลเข้าดอลล่าร์เมื่อ FED ขึ้นดอกเบี้ยถึงจุดสูงสุด (และคงดอกเบี้ยในระดับสูง) เราอาจจะเห็นการปรับฐานของหุ้นสหรัฐตามมาก็เป็นไปได้ ดังนั้นปัจจัยสำคัญของตลาดหุ้นเมื่อเม็ดเงิน Capital Flow เริ่มที่จะหยุดไหลเข้ามาที่ดอลลาร์ น่าจะอยู่ที่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนจะสามารถแสดงปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแรงของตลาดหุ้นสหรัฐได้หรือไม่
Crypto Indicator
Global Asset Index
การเปลี่ยนแปลงดัชนีสินทรัพย์ต่าง ๆ เมื่อเทียบกับตลาดคริปโตฯ ($BTC, $ETH) แสดงดังตารางด้านล่าง
Fear & Greed Index
Multifactorial Crypto Market Sentiment Analysis
ค่า Fear and Greed Index ที่เป็นค่าที่บ่งบอกถึงความกลัวและความโลภของนักลงทุนในตลาดคริปโต ค่า Index โดยค่า Fear and Greed Index เมื่อเดือนที่แล้วมีค่าอยู่ที่ 38 ส่วนในปัจจุบันมูลค่าตลาดคริปโตปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ $1.024T (ลดลงจากเดือนที่ผ่านมา 0.78%) และราคา Bitcoin ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคมเล็กน้อยมาอยู่ที่ $26,193 (ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมา 0.33%) ถึงแม้ว่ามูลค่าตลาดรวมของตลาดคริปโตจะปรับตัวลงเล็กน้อย เนื่องจากประกอบด้วยเหรียญอย่าง Ethereum และ Alt. Coin ตัวอื่นๆ ด้วย แต่เนื่องจาก Fear & Greed Index นั้นจะอิงกับการเปลี่ยนแปลงของราคา Bitcoin ซะมากกว่าวัดทั้งตลาด ทำให้เมื่อราคา Bitcoin สูงขึ้นกว่าเมื่อเดือนที่ผ่านมา (Month on Month) ทำให้ Sentiment ในตลาดปรับตัวดีขึ้นจากเดือนที่ผ่านมาเล็กน้อยมามีค่า Index อยู่ที่ 47 (Neutral) ระดับกลางๆที่คนไม่กลัวและไม่โลภ
Crypto Market Overview
มูลค่าของตลาดคริปโทเคอร์เรนซี (Total Crypto Market Cap.)
เมื่อเทียบการเปลี่ยนแปลงมูลค่าของตลาดคริปโตโดยรวมมีการปรับตัวลดลงเล็กน้อยเมื่อวันจาก MoM โดยมีการปรับตัวลง -0.87% โดยมูลค่าตลาดรวมปัจจุบัน ณ วันที่ 25 กันยายน ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ $1.023T โดยในวันที่ 12 กันยายน 2023 ที่ผ่านมาตลาดได้ปรับตัวลดลงไปอยู่ที่แนวรับ $980B ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดในเดือนมิถุนายน ก่อนที่ทาง BlackRock จะมีการประกาศยื่น BTC ETF ในวันที่ 16 มิถุนายน จนทำให้ตลาดเกิด Positive Sentiment ในเรื่องข่าวดีดังกล่าว และตามมาด้วยหลาย Firm ที่มีการยื่น BTC ETF เช่นกัน ทำให้ตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นไปแตะ $1.22T กันยายน ข่าวในแง่บวกที่ออกมาจะมีแค่ Grayscale นั้นชนะคดีการฟ้องจากทาง SEC ในเรื่องการคัดค้านไม่ให้ Grayscale เปิด BTC ETF
ก่อนที่ตลาดจะพบกับความผิดหวังจากทางฝั่ง SEC ที่เลื่อนการพิจารณา BTC ETF จนทำให้ตลาดปรับตัวลดลงอยู่ในระดับปัจจุบัน โดยหลังจากที่มูลค่าตลาดคริปโตปรับตัวต่ำกว่าแนวรับสำคัญที่ $1.1T ทำให้มุมมองของตลาดตอนนี้อยู่ใน Downtrend โดยมีรอบในการแกว่างอยู่ระหว่าง $980B - $1.1T ซึ่งถ้าตลาดมีข่าวแย่ ๆ เข้ามาอย่างเรื่องความไม่แน่นอนทางฝั่ง CEX ในเรื่องของปัญหาสภาพคล่อง (Insolvency) มูลค่าตลาดหลุดกรอบล่างที่ $980B แนวรับถัดไปที่เป็นไปได้ที่จะลงไปจะอยู่แถวประมาณ $880B ส่วนถ้าตลาดจะกลับมามี Positive Sentiment อีกครั้ง มูลค่าตลาดคริปโตก็ควรที่จะสามารถไปยืนเหนือ $1.1T ให้ได้
Crypto On-Chain Data
Bitcoin: Realized Cap - UTXO Age Bands (%)
Realized Cap-UTXO Age Bands เป็นข้อมูล On-Chain ที่ใช้วัดมูลค่าของ Bitcoin ในกลุ่มคนที่ถือ Bitcoin ในระยะเวลาต่าง ๆ กันว่ามีสัดส่วนเป็นเท่าไร เพื่อใช้วัด Sentiment ของตลาดว่านักลงทุนมีมุมมองเป็นยังไง โดยเราใช้กระเป๋าที่มีอายุในการถือ Bitcoin ในช่วง 1 ปี ถึง 2 ปีใช้เป็นตัวแทนกลุ่มคนที่ลงทุนระยะยาว เมื่อเทียบกับข้อมูลช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาสัดส่วนของกระเป๋าที่ถือ Bitcoin ในระยะเวลา 1-2 ปี มีสัดส่วนอยู่ที่ 23.16%
ส่วนในปัจจุบันกระเป๋าที่ถือ Bitcoin ระยะเวลา 1-2 ปี มีสัดส่วนที่ลดลงมาอยู่ที่ 19.42% จะเห็นได้ว่าสัดส่วนการลงทุนของคนถือระยะ 1-2 ปี ลดลง โดยการลดลงของนักลงทุนระยะยาวมีการปรับลดอย่างต่อเนื่องในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมาซึ่งไม่สอดคล้องกับราคา Bitcoin ที่ปรับตัวลดลงจาก $30,600 มาอยู่ที่ $26,156
Historical Perspective via Realized Cap-UTXO
เราจะลองมาดูข้อมูลในอดีตเปรียบเทียบกันระหว่างนักลงทุนระยะสั้นหรือนักเก็งกำไรที่มีการถือ Bitcoin ต่ำกว่า 3 เดือน เปรียบเทียบกับนักลงทุนระยะยาวที่ถือ Bitcoin ระยะ 1-2 ปี และ 2-3 ปี มีปฏิสัมพันธ์กับราคาของ Bitcoin ในแต่ละช่วงเป็นอย่างไร เพื่อที่จะทำให้เราเข้าใจพฤติกรรมของนักลงทุนแต่ละกลุ่มมากขึ้น ส่วนนักลงทุนที่ถือ Bitcoin มากกว่า 3 ปีขึ้นไปอัตราส่วนการถือครองไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงมากซักเท่าไร เมื่อราคาของ Bitcoin มีการเปลี่ยนแปลงทั้งในช่วงของ Bull Market หรือ Bear Market เราจึงพิจารณาพฤติกรรมแค่ 3 กลุ่มนี้เท่านั้น โดยการเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงจะเปรียบเทียบในกรอบระยะเวลา “Month Time Frame”
นักลงทุนที่ถือ Bitcoin ต่ำกว่า 3 เดือน
โดย Time Frame ที่ใช้เป็น Monthly Time Frame ความแม่นยำอาจจะไม่มากเท่า Scale เล็ก แต่อยากให้เห็นภาพใหญ่ของพฤติกรรมมากกว่า โดยจุดที่นักเก็งกำไรลงไปสู่จุดต่ำสุดในแต่ละรอบจะเป็นจุดที่เราหาโอกาสในการ "ซื้อ" ตรงนี้ Set Threshold ไว้ Monitor ที่ 20% ในส่วนที่จุดที่นักเก็งกำไรพุ่งสูงที่สุดในแต่ละรอบ ก็เป็นจุดที่ควรที่จะหาโอกาสในการ "ขาย" ตรงนี้ Set Threshold ไว้ที่ 70% เป็นจุดที่คนเริ่ม Euphoria หรือ เริ่มที่จะ FOMO กันแล้ว
สิ่งที่น่าสนใจก็คือสัญญาณ "Divergence" ถ้าตาม Common Sense การที่ราคาขึ้นไปทำจุดสูงสุดอีกรอบ กลุ่มนักเก็งกำไรก็ควรที่จะเพิ่มขึ้นซิ แต่เราจะเห็นว่าที่จุดยอด $68k นั้น ปริมาณนักเก็งกำไรได้ลดลงอย่างมาก เมื่อเทียบกับรอบแรกที่ราคาขึ้นไปแตะ $65k ซึ่งจากข้อมูลข้างต้นมันอาจจะเป็นสัญญาณเตือนเรากลายๆ ว่าทุกอย่างมันใกล้จะจบรอบแล้ว เพราะนักเก็งกำไร ไม่เข้าไปเล่นเหมือนเดิมแล้ว
นักลงทุนที่ถือ Bitcoin ในระยะ 1-2 ปี
นักลงทุนที่ถือลงทุนในระยะ 1-2 ปี ก็จะให้ภาพที่ตรงกันข้ามกับนักเก็งกำไร โดยเราจะเห็นว่า จุด Bottom ในแต่ละรอบจะเป็นจุดที่อัตราส่วนของคนที่ถือในระยะ 1-2 ปี ขึ้นไปแตะใกล้อัตราส่วน 50% ส่วนจุดที่เราหาโอกาสในการ "ขาย" จะเป็นจุดที่อัตราส่วนของคนถือ 1-2 ปี ต่ำกว่า 5% จุดที่น่าสนใจของทั้ง 2 สัญญาณ จุดที่น่าซื้อ BTC เก็บ ไม่ค่อยแตกต่างจาก Relative Valuation ของ BTC มากนักที่จะอยู่ในโซนราคา $15k - $20k รอบที่มีการลงในช่วงปี 2022 ถ้าถามว่าปัจจุบันเป็นโอกาสที่น่าซื้อหรือไม่? เราดูสัดส่วนนักเก็งกำไรที่กลับมาต่ำกว่า Threshold 20% ก็คงมองว่าเราอาจจะหาโอกาสซื้อได้นะ แต่มันน่าซื้อที่สุดไหม? ทั้งสัญญาณ Open Interest และ Holders 1-2 Yrs มันยังไม่ใช่จุดที่น่าซื้อ เพราะสัดส่วนของคนถือ 1-2 ปี ยังไม่ใกล้ 50%
นักลงทุนที่ถือ Bitcoin ในระยะ 2-3 ปี
คนที่ถือลงทุนนานกว่านี้หละ มีนัยสำคัญอะไรไหม?
เป็นคำถามที่ดีครับ ในส่วนของ Holders 2-3 Yrs นั้น ให้ภาพที่เหมือนกับ Holders 1-2 Yrs แต่จะ Lagging กว่า มันช้ากว่า ส่วนตัวเลยจะดูคนที่ถือลงทุน 1-2 ปี ซะมากกว่า ส่วนคนที่ถือลงทุนมากกว่า 3 ปีขึ้นไปนั้น สัดส่วนไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงซักเท่าไร ไม่ว่าจะเป็นช่วงตลาดกระทิงและตลาดหมี ดังนั้นจึงไม่สามารถเอามาระบุ Sentiment ได้ชัดเท่ากับคนที่ถือลงทุน 1-2 ปี และ คนที่เก็งกำไรต่ำกว่า 3 เดือน
Bitcoin: Exchange Netflow (Total) - All Exchanges
ราคา Bitcoin ได้มีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องหลังจากที่หลุดแนวรับที่ราคา $28,000 โดยราคา ณ วันที่ 25 กันยายน อยู่ที่ $26,193 ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนที่ผ่านมาประมาณ 0.33% โดยข้อมูล Net Flow จากทุก Exchange แสดงให้เห็นว่ามีการโอนเข้าสุทธิ 676 $BTC เราสามารถอนุมานได้ว่ามีการโอน $BTC เข้ามาขายใน Exchange $676 BTC
ซึ่งปริมาณดังกล่าวถึอว่าอยู่ในระดับปกติ เนื่องจากไม่เกิน Threshold +/- 10,000 $BTC ถือว่ายังไม่มีอะไรที่น่าสนใจ ณ ตอนนี้ที่ทำให้เราได้ Take Action
Ethereum: Exchange Netflow (Total) - All Exchanges
จากข้อมูลในอดีตปริมาณสุทธิที่มีการโอนเข้าหรือโอนออกจากทุก Exchange ที่มีความน่าสนใจจะค่า +/- 250,000 $ETH โดยถ้ามีปริมาณการโอนเข้ามาในทุก Exchange มากกว่า 250,000 $ETH (> + 250,000 $ETH) ตรงนี้มองว่าเป็นจุดที่มีนัยสำคัญในการขายทำกำไร ส่วนการจะขายหมดหรือแบ่งส่วนขายขึ้นอยู่กับแผนของนักลงทุน ส่วนถ้ามีปริมาณการโอนออกจาก Exchange มากกว่า 250,000 $ETH (< -250,000 $ETH) ตรงนี้มองว่าเป็นจุดที่มีนัยสำคัญในการซื้อ $ETH
โดยในปัจจุบันราคาของ Ethereum ก็ได้ปรับตัวลงมาเช่นเดียวกับ Bitcoin โดยมาอยู่ที่ราคา $1,582 ซึ่งมีปริมาณสิทธิของการโอนออกจากทุก Exchange อยู่ที่ 4,803 $ETH ซึ่งก็ถือว่าเป็นระดับที่ปกติที่ยังไม่เกิน Threshold +/- 250,000 $ETH จุดนี้จึงยังไม่ได้มีความน่าสนใจที่จะ Take Action เช่นเดียวกับ Bitcoin
Smart Money: Stablecoins Allocation
Stablecoins Allocation ถือว่าเป็นอีกหนึ่งข้อมูล On-Chain ที่ใช้บอก Sentiment ของตลาดว่าตอนนี้ Smart Money มีมุมมองกับตลาดเป็นยังไง ตอนนี้มองตลาดเป็นตลาดขาขึ้น (Bullish) หรือตลาดยังคงเป็นขาลงอยู่ (Bearish) ในสมมุติฐานที่ว่า Smart Money ย่อมมีข้อมูลบางอย่างที่ใช้ในการตัดสินใจที่ดีกว่านักลงทุนรายย่อย โดยสัดส่วนของ Stable Coin ที่อยู่ในกระเป๋าของ Smart Money สามารถใช้เป็นตัวชี้วัดได้เหมือนกัน ถ้า Smart Money มีการถือ Stable Coin ในกระเป๋าที่เยอะ เราสามารถตีความหมายได้ว่า “ตัว Smart Money ยังมองว่าเป็นตลาดหมีอยู่” แต่ถ้าสัดส่วนของ Stable Coin ในกระเป๋าลดน้อยลง เราสามารถตีความหมายได้ว่า “Smart Money เริ่มมองว่าเป็นตลาดกระทิง”
- ตลาดหมี: สัดส่วนของ Stable Coin 25%-40%
- ตลาดกระทิง: สัดส่วนของ Stable Coin < 25%
ในช่วงสิ้นเดือนสิงหาคม ตลาดได้มีการขยับตัวสูงขึ้น ขึ้นไปแตะมูลค่าตลาด $1.09T ทำให้ตัว Smart Money เองลดสัดส่วนในการถือ Stable Coin ลงมาเป็น 12.5% จนกระทั่งมีการปรับตัวลดลงของมูลค่าตลาดคริปโตอีกครั้งลงต่ำกว่า $1T ทำให้ Smart Money เพิ่มสัดส่วนของ Stable Coin เพื่อทำการลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น (Risk-Off) โดย ณ ปัจจุบันถึงแม้ตลาดจะปรับตัวขึ้นมาสูงกว่า $1T แล้วก็ตาม ตัว Smart Money เองก็ได้ขยับเพิ่มสัดส่วนการถือ Stable Coin เพิ่มขึ้นมาเป็น 16% ซึ่งเราต้องมาดูว่า Smart Money จะ Risk-Off จนไปถึงสัดส่วนการถือ Stable Coin ในรอบเดือนพฤษภาคมหรือไม่ที่มีการถือสัดส่วนใกล้กับเขตแดนที่แบ่งระหว่างตลาดกระทิงกับตลาดหมีที่ 19%
Crypto News
MakerDAO co-founder floats using Solana’s code to build new chain [1]
Rune Christensen, Co-Founder ของ MakerDAO ได้มีการเสนอ Proposal ให้ใช้ Solana Code Base ในการสร้าง Chain ใหม่ (Appchain) ให้กับทาง MakerDAO ซึ่งแผนการทำ Appchain ของทาง MakerDAO นั้นอยู่ในส่วนของ End Game Plan ที่จะทำการปรับปรุงระบบ Governance ของ MakerDAO ให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น โดย End Game ของทาง MakerDAO จะแบ่งเป็นทั้งหมด 5 เฟสโดยกัน ซึ่ง เฟสที่ 5 จะเป็นการสร้าง Appchain ให้กับทาง MakerDAO เพื่อที่จะเป็น Backend Tool ไว้ใช้ในการสนับสนุน MakerDAO
Visa’s crypto stablecoin settlement expands to Solana [2]
Visa ตอนนี้ได้มีการขยายการใช้งานมายัง Solana Blockchain โดยการส่ง USDC ระหว่างบริษัทคู่ค่าที่เป็น Partner กับทาง Visa โดยปัจจุบันได้ทำการ Focus การทำ Pilot Test กับทาง Worldpay และ Nuvei ซึ่งตัว Visa เองถือว่าเป็น Payment Gateway เจ้าใหญ่ของโลกที่ช่วยให้การหักบัญชี การชำระหนี้ และการเคลื่อนย้ายเงินหลายพันล้านดอลลาร์ต่อวัน โดยกระบวนการดังกล่าวนั้นตามข้อมูลจากทาง Visa เกิดขึ้นใน 25 สกุลเงินระหว่างสถาบันการเงินประมาณ 15,000 แห่ง
โดยทาง Visa เริ่มทดสอบว่าสามารถใช้ USD Stablecoin ในการทำ Treasury Operation ในปี 2021 ได้ทำ Pilot Test กับทาง Crypto.com ซึ่งปัจจุบันทาง Exchange ดังกล่าวได้ใช้ USDC เป็นการชำระหนี้ผ่านบัตร Visa ในออสเตรเลีย
MetaMask ‘Sell’ feature turns ether into cash [3]
Meta Mask กำลังจะเปิด Feature ใหม่ คือการที่ผู้ใช้งานสามารถ “Cash Out” จาก Crypto Currency ไปเป็น Fiat ผ่าน Meta Mask โดยในเบื้องต้น Feature นี้สนับสนุนเฉพาะการเปลี่ยน $ETH บน Ethereum Mainnet ไปเป็น USD ก่อน โดยสกุลเงิน Fiat อื่นๆอย่าง EUR และ GBP จะตามมาทีหลัง และทาง Meta Mask ยังมีแผนในการทำ Feature นี้สนับสนุนสินทรัพย์ดิจิทัลที่อยู่บน Layer 2 ด้วยเช่นกัน โดยตามการรายงานผู้ใช้งานทางฝั่งสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และบางส่วนของยุโรปสามารถที่จะเปลี่ยน Crypto ไปเป็น Fiat ได้ผ่านบัญชี Paypal และ บัญชีธนาคารที่ผูกไว้ ซึ่งนอกจากนี้ทาง Meta Mask ได้มีการร่วมงานกับ Crypto-Fiat Off Ram เจ้าอื่นๆด้วย MoonPay, Transak, Sardine และ Banxa
Three execs exit Binance, fueling speculation [4]
Binance ได้สูญเสียพนักงานระดับสูง (C-Level) ตั้งแต่ถูกฟ้องจากทาง SEC ของทางสหรัฐอเมริกา ในช่วงเดือนมิถุนายน 2023 โดยทาง CZ ผู้บริหารของทาง Binance ได้พูดว่า บริหารระดับสูงที่ออกไปจาก Binance นั้นได้ไปเติบโต ได้รับตำแหน่งและหน้าที่ที่ใหญ่กว่าข้างนอก Binance ซึ่งทาง CZ ได้ย้ำผ่าน Twitter ส่วนตัวอีกว่าให้เมินเฉยกับคำกล่าวอ้างต่างๆ นานา ว่า Binance ประสบปัญหา (FUD) โดยครั้ง
ล่าสุดที่มีการออกของพนักงานระดับ C-Level และได้มีการพูดถึงผ่าน Twitter ส่วนตัวของ CZ ก็คือ Gleb Kostarev และ Vladimir Smerkis
Kostarev อยู่ที่ Binance มานานกว่าห้าปีและลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการในยุโรปตะวันออก CIS ตุรกี ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ส่วน Smerkis ดำรงตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปของ CIS มาเกือบสองปี
โดยทั้งคู่ได้จากกันด้วยดีกับเพื่อนร่วมงาน ร่วมถึงผู้บริหารระดับสูง ตามการเขียนอำลาของพวกเขาบน LinkedIn ส่วนตัว
Google Cloud is LayerZero’s new default oracle operator [5]
ตอนนี้ Blockchain มากกว่ากว่า 15 เจ้านั้น ข้อมูล Oracle ที่ใช้งานนั้นอ้างอิงจาก Google Cloud ในการทำ Cross-Chain Interoperability ในวันที่ 12 กันยายน ทาง Layer Zero ได้ประกาศเป็น Partner กับ Google Cloud เพื่อที่จะเพิ่มประสิทธิภาพของโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ของตัว Protocol โดยตัว Google Cloud จะเป็น Default Provider ในด้านข้อมูลให้กับทาง Layer Zero นั้นหมายความว่า Dapps ที่ถูกสร้างอยู่บน Layer Zero จะใช้ Google Cloud โดยอัตโนมัติในการตรวจสอบธุรกรรมที่มีการส่งข้ามกันระหว่าง Blockchain
Financial giant Deutsche Bank eyes crypto custody, tokenization [6]
ธนาคาร Deutsche เตรียมตัวที่จะจัดตั้ง Digital Asset Custody และให้บริการเกี่ยวกับการแปลง Traditional Asset เป็น Token (Tokenization) ผ่านการร่วมกับ Taurus ที่เป็นบริษัททางฝั่งสวิตเซอร์แลนด์ โดยบริษัท Taurus ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยในเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ในการที่จะสร้าง Token (Issue) การเป็น Custody, การซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินคริปโตและ NFT โดยทาง Paul Maley ที่เป็นหัวหน้าฝ่ายให้บริการหลักทรัพย์ของทางธนาคา Deutsche ได้เห็นช่องทางในการพัฒนาสินค้าบริการ เพื่อให้ตอบโจทย์ต่อการใช้งานในปัจจุบัน ด้วยความร่วมมือกับทาง Taurus ทำให้ Deutsche ไม่ต้องเสียเวลาในการพัฒนาในด้านโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ซึ่งทาง Deutsche เองเริ่มที่จะให้บริการสกิลเงินคริปโตบางสกุลแและ Stable Coin ให้กับลูกค้าที่เป็นองค์กรและสถาบันในประเทศเยอรมัน
โดยจุดเริ่มต้นเริ่มต้นของความร่วมมือดังกล่าวเกิดจาก Deutsche เข้าไปลงทุน ในการระดมทุนของทางฝั่ง Taurus ในรอบเดือนกุมภาพันธ์ซึ่ง Taurus ได้เงินทุนไปทั้งสิ้น $65M ซึ่งการระดมทุนในรอบนี้คนที่เป็น Lead Investor ก็คือ “Credit Suisse” หลังจากนั้นทางธนาคาร Deutsche ก็ได้มีการยื่นเรื่องในการขอเป็น Digital Asset Custody กับทางฝ่ายกฏหมายที่ดูแลเรื่องหลักทรัพย์ของทางประเทศเยอรมันในเดือนมิถุนายน 2023
Crypto Technical Analysis
วิเคราะห์เหรียญ Bitcoin (BTC) และ Ethereum (ETH) ด้วย Technical Analysis
Bitcoin (BTC)
Bitcoin Dominance
Bitcoin Dominance มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากวันที่ 25 สิงหาคม โดยค่า ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 49.89% และซึ่งสอดคล้องไปกับมูลค่าตลาดที่เพิ่มขึ้น 0.33% เนื่องจากว่ามูลค่าตลาดรวมของคริปโตมีการปรับตัวลดลงจาก $1.032T มาอยู่ที่ $1.022T ส่วนทางกับการเพิ่มขึ้นของมูลค่าของ Bitcoin ทำให้เราสามารถสรุปได้ตรงนี้ว่า Fund Flow นั้นไหลเข้า Bitcoin มากกว่า Ethereum เนื่องจาก Ethereum Dominance นั้นมีการปรับตัวลดลง Month on Month แต่เราจะไม่สามารถบอกได้ว่าระหว่าง Bitcoin และ Alt. Coin ตัวไหนมีการเปลี่ยนแปลงของมูลค่าตลาดที่มากกว่ากัน
มูลค่าของตลาดคริปโตในกลุ่มต่าง ๆ
โดยจากข้อมูลข้างต้นเราสามารถบอกได้ว่าปริมาณเงินที่ไหลเข้า Bitcoin น้อยกว่าทางฝั่ง Alternative Coins โดยมีปริมาณเงินไหลเข้ามาเพียง $1.87B เท่านั้น เมื่อเทียบกับ Alternative Coins ที่มีเงินไหลเข้ามาประมาณ $5.78B
ในช่วงปลายเดือนสิงหาคมราคา Bitcoin ได้มีการปรับตัวขึ้นมาแตะ $28,149 จากข่าว Grayscale ชนะการฟ้องคดีจากทางฝั่ง SEC ที่เกี่ยวกับ BTC ETF แต่หลังจากนั้นตลาดก็มีการปรับตัวของราคา “Sell On Fact” ทำให้ราคากลับไปทำจุดต่ำสุดในรอบเดือนกันยายนที่ระดับราคา $24,887 ทำให้ราคาของ Bitcoin นั้นยังคงอยู่ในแนวโน้มขาลงอยู่ โดยมีกรอบการเทรดอยู่ระหว่าง $24,887 - $28,149
โดยวันที่ 25 กันยายน 2023 ได้มีการประกาศจากทางฝั่ง Microstrategy ว่ามีการซื้อ Bitcoin เพิ่มปริมาณ 5,444 $BTC มูลค่าประมาณ $147.3M ต้นทุนเฉลี่ยราคา Bitcoin ในการซื้อครั้งนี้ ของ Microstrategy อยู่ที่ $27,053 ซึ่งการซื้อทุกครั้งของ Microstrategy มักจะมีการปรับตัวลดลงของราคามากกว่า 70-80% ทำให้จุดนี้ Sentiment ของตลาดมองกันว่าราคาของ Bitcoin จะปรับตัวลดลงอีก
ซึ่งถ้าราคามีการปรับตัวลดลง ในมุมของ Technical Analysis ถ้าเราใช้ Fibo Retracement ในการวัดเป้าของราคาในขาลง โอกาสที่ราคาจะลงไปสามารถลงไปลึกได้ถึง $22,000 - $23,000 แต่ถ้าราคาจะเปลี่ยน Sentiment ของตลาดตอนนี้เพื่อกลับตัวเป็นขาขึ้น ทางฝ่ายวิจัย Avareum มองว่าราคา Bitcoin ควรที่จะทำการ Break ของบนของ Trading Range ที่ $28,149 และสามารถยืนได้
ในส่วนปัจจัยที่กดดันราคาของ Bitcoin ในเรื่อง Mt.Gox ที่จะคืน Bitcoin ให้กับนักลงทุนนั้นจากตามแผนจะมีการคืนในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2023 ตอนนี้เลื่อนไปเป็นคืนในปี 2024 แต่ยังไม่ระบุวันและเวลา ทำให้ตอนนี้ตัวแปรที่เราไม่รู้ที่จะมากดดันให้เกิดความกลัวในโลกคริปโตจะเป็นเรื่อง Binance Exchange ที่ยังมีความคลุมเคลืออยู่ว่าจะมีปัญหาเรื่องสภาพคล่องหรือไม่ (Insolvency) เนื่องจากตั้งแต่เดือนกรกฏาคมเป็นต้นมาทาง Binance ได้มีข่าวเรื่องพนักงานระดับ C-Level ลาออก พร้อมกับทาง Binance เองได้มีการปลดคนออกมากกว่า 1,000 คน
ส่วนข่าวดีในเรื่อง Bitcoin ETF ที่จะทำให้เกิดแรงซื้อ Bitcoin ขึ้นอีกครั้ง คิดว่ายังไม่น่าเกิดขึ้นในเร็ววันนี้ เนื่องจากทาง SEC สามารถเลื่อนพิจารณาออกไปได้อย่างช้าที่สุดคือเดือนมีนาคม 2024 และจากสภาวะเศรษฐกิจ ณ ปัจจุบันที่ FED ได้มีการบอกว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายในช่วงปลายปี พร้อมทั้งบอกว่าในปี 2024 จะยังคงอัตราดอกเบี้ยต่อไป ไม่มีการลดดอกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้โอกาสในการที่ทาง SEC จะอนุมัติ BTC ETF น่าจะเกิดขึ้นยากเนื่องจาก Timing ยังไม่เหมาะสม
Ethereum (ETH)
การเปลี่ยนแปลง MoM ระหว่าง Bitcoin และ Ethereum เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา จะเห็นได้ชัดว่า Bitcoin ค่อนข้างที่จะมีความแข็งแรงกว่า Ethereum เราจะเห็นได้จากข้อมูลเบื้องต้นในส่วนของมูลค่าการตลาดของทั้ง Bitcoin และ Ethereum นั้น เงินไหลออกจาก Ethereum ปริมาณ $9.07B ในขณะที่ Bitcoin เพิ่มขึ้น $1.87B ทำให้อัตราส่วนของ $ETH/$BTC ปรับตัวดลงจากเดือนที่สิงหาคมที่ระดับราคา 0.06340 มาอยู่ที่ 0.06031 ในเดือนกันยายน (ปรับตัวลดลง -4.87%) ซึ่งจุดนี้ถือว่า Bitcoin มี Purchasing Power ที่สูงกว่า Ethereum ทางฝ่ายวิจัย Avareum มองว่าเป็นจุดที่หาโอกาสในการ Switch และทำการ Rebalance Asset เปลี่ยนจาก Bitcoin ไปเป็น Ethereum
ถึงแม้ว่าตลาดจะอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ค่อยดีมากนักเนื่องจากราคาของ Ethereum ก็ได้ปรับตัวลดลงมาแต่อัตราการ Staking ของ Ethereum ก็ไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด จากข้อมูลในเดือนสิงหาคมนั้น Ethereum Staking Rate อยู่ที่ 21.85% ณ ปัจจบัน อ้างอิงจากข้อมูลวันที่ 25 กันยายน 2023 Ethereum Staking Rate เพิ่มขึ้นมาเป็น 22.48%
เมื่อเทียบกับ Ethereum Total Supply โดยมีปริมาณ Ethereum ทั้งหมดที่ Stake บน Beacon Chain อยู่ที่ 27.01M $ETH โดย ณ ปัจจุบัน อัตราผลตอบแทนต่อปี (%APR) อยู่ที่ 3.84% ลดลงจากเดือนสิงหาคมที่มีอัตราผลตอบแทนอยู่ที่ 4.89%
ในฝั่งของ Validators ณ ปัจจุบัน ที่ทำการ Operate Nodes อยู่ที่ 843,944 Nodes ซึ่งถ้าเราเปรียบเทียบการเติบโตจากเดือนที่ผ่านมา ณ วันที่ 25 สิงหาคม 2023 มีปริมาณ Nodes อยู่ที่ 812,136 Nodes
ในเดือนกันยายน %MoM เติบโตอยู่ที่ 3.92% ซึ่งการเติบโตเริ่มชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับ %MoM ในรอบเดือนที่ผ่านมา 5.62% ส่วน Entity ที่ยังคงมีปริมาณการ Stake ETH สูงสุดก็ยังเป็นทางฝั่งของ Liquid Staking อย่าง Lido อยู่ โดยมี Market Share ของการ Staking เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนสิงหาคม จาก 32.17% มาเป็น 32.31%
ณ ปัจจุบันนับตั้งแต่หลังจบ Shanghai Upgrade ในวันที่ 14 เมษายน 2023 มีปริมาณ Net Flow (Deposit + Withdraw) มี ETH ไหลเข้ามาในระบบเพื่อทำการ Stake บน Beacon Chain อยู่ที่ 7.46M ETH
ราคาของ Ethereum หลุดแนวรับสำคัญที่ระดับราคา $1,800 โดย ณ วันที่บันทึกข้อมูล วันที่ 25 กันยายน ราคาอยู่ที่ $1,577
สรุปแนวรับ/แนวต้านของ Bitcoin และ Ethereum
Market Outlook for Next Month
จากคำพูดของ Jerome Powell ในการประชุม FOMC ล่าสุด ได้บอกว่าตัวเลขอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในอัตราที่สูงอยู่และเตรียมรับมือกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งถัดไป โดยที่ทาง FED ยังคงต้องพิจารณาข้อมูลทางเศรษฐกิจที่จะเข้ามาใหม่ในแต่ละเดือนและตัดสินใจอย่างรอบคอบในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งถัดไป โดยเดือนตุลาคมที่จะถึงจะยังไม่มีการประชุม FOMC เพื่อตัดสินใจสนการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งตามที่ FED ที่ไว้วางแผนไว้ว่า ไม่ว่าจะยังไงก็ตามก่อนจบปี 2023 จะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง 0.25% โดยการประชุมครั้งถัดไปนั้นจะอยู่ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2023 โดยผลสำรวจ ณ ปัจจุบันจาก FED Watch Tool ยังมีความเห็นอยู่ 84% ที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในเดือนพฤศจิการยน ส่วนการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ณ ขณะนี้มีความเป็นไปได้เพียง 16% เท่านั้น ทั้งนี้ทั้งนั้นทางทีมวิจัย Avareum มองว่า ยังไงทาง FED ก็ต้องดูตัวเลขเศรษฐกิจเดือนต่อเดือน ว่าในเดือนตุลาคมตัวเลขจะปรับไปในทิศทางที่ต้องการหรือไม่ เพราะช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมาตัวเลข Core Inflation ไม่ค่อยปรับลดลงมาเท่าที่ควร
ในฝั่งของตลาดคริปโตในช่วงกลางเดือนตุลาคม จะมีการพิจารณา BTC ETF ในรอบที่ 2 ของทั้งทางฝั่ง Black Rock, Bitwise, Fidelity, และ Valkyrie ต้องมาคอยติดตามว่าทาง SEC จะยังคงเลื่อนการพิจารณาออกไปอีกหรือไม่ โดยจากตารางข้างต้นจะเห็นว่าอย่างช้าสุดคือเดือนมีนาคม 2024 ส่วนในฝั่งของ ARK นั้นจะมีการพิจารณารอบสุดท้าย (Final Deadline ช่วงต้นเดือนมกราคม 2024
ส่วนข่าวเรื่อง Mt.Gox จะคืน Bitcoin กับนักลงทุนนั้นเลื่อนไปเป็นปี 2024 อย่างไม่มีกำหนด โดยทาง Mt.Gox นั้นไม่ได้ระบุว่าจะเป็นเดือนไหนในปี 2024 ส่วนรอบของการ Halving Bitcoin จะอยู่ช่วงประมาณเดือนมิถุนายน 2024
ของฝั่ง Ethereum สิ่งที่ต้องติดตามความคืบหน้าคือการ Upgrade ในส่วน EIP-4844 (Proto Danksharding) ที่มาช่วยทำให้ Layer 2 Scaling Solution ของ Ethereum สามารถที่จะลดต้นทุนของการทำธุรกรรมได้ถูกกว่าเดิม และพร้อมกับเป็นการวาง Infrastructure ให้กับการ Upgrade ครั้งสำคัญในปี 2024 อย่าง Sharding ที่จะทำให้ Ethereum Layer 1 นั้นสามารถประมวลผลธุรกรรมได้มากกว่าเดิมและช่วยลดต้นทุนในการทำธุรกรรมด้วยเช่นกัน โดยแผนการ Upgrade EIP-4844 นั้นจะเกิดขึ้นในไตรมาสที่ 4 ของปี 2023 ซึ่งปัจจัยดังกล่าวค่อนข้างที่จะเป็น Positive Sentiment กับทางฝั่ง Ethereum ที่จะช่วยเรื่อง Adoption ของทาง Layer 2 ให้เกิดการใช้งานที่มากขึ้น
References
[1] Liu, B. (2023, September 1). MakerDAO co-founder floats using Solana’s code to build new chain. Blockworks. https://blockworks.co/news/makerdao-solana-fork-endgame
[2] Strack, B. (2023, September 5). Visa’s crypto stablecoin settlement expands to Solana. Blockworks. https://blockworks.co/news/visa-usdc-solana-stablecoin-expansion
[3] Cirrone, J. (2023, September 5). MetaMask ‘Sell’ feature turns ether into cash. Blockworks. https://blockworks.co/news/metamask-sell-feature-ether-fiat-currency
[4] Cirrone, J. (2023, September 7). Three execs exit Binance, fueling speculation. Blockworks. https://blockworks.co/news/binance-execs-leave-fud-speculation
[5] Liu, B. (2023, September 12). Google Cloud is LayerZero’s new default oracle operator. Blockworks. https://blockworks.co/news/layerzero-google-cloud-oracle-operator-messaging?nocache
[6] Strack, B. (2023, September 13). Financial giant Deutsche Bank eyes crypto custody, tokenization. Blockworks. https://blockworks.co/news/deutsche-bank-crypto-custody-tokenization
Disclaimer: Avareum Research is an independent crypto research firm committed to providing unbiased and informative content. While we strive for complete objectivity, it's important to note that the research industry is inherently complex and may be influenced by various factors. To ensure transparency, we disclose any potential conflicts of interest, such as financial sponsorships or investments in the crypto space. Ultimately, all research and analysis provided by Avareum Research is intended for informational purposes only and should not be considered financial advice. Please consult with a qualified professional before making any investment decisions.
© 2024 Avareum Research. All Rights Reserved. This article is provided for informational purposes only. It is not offered or intended to be used as legal, tax, investment, financial, or other advice.