The myth of ‘lost bitcoin’ in the age of quantum computing
การสำรวจความเป็นไปได้ในการบุกเบิกบิตคอยน์ที่ “หายไป” ในยุคของควอนตัมคอมพิวเตอร์
สำหรับนักลงทุนบิตคอยน์และคริปโตเคอร์เรนซี คงเป็นที่รู้จักกันดีว่าเรื่องราวเกี่ยวกับบิตคอยน์ (Bitcoin) จำนวนหนึ่งที่เชื่อว่าหายไปอย่างไม่สามารถกู้คืนได้ ถูกขังอยู่ในกระเป๋าเงินที่ลืมรหัส นี่คือประเด็นที่ถูกยกขึ้นในบทความจาก Blockworks ที่ตั้งคำถามถึงความน่าเชื่อถือของความคิดนี้ โดยเฉพาะเมื่อเทคโนโลยีควอนตัมคอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทในโลกของคริปโตเคอร์เรนซี
การกล่าวถึงควอนตัมคอมพิวเตอร์เกิดขึ้นเนื่องจากมีความสามารถในการคำนวณสูงขึ้นและทำให้มีการตั้งคำถามถึงความปลอดภัยของคีย์การเข้ารหัสแบบดั้งเดิมของบิตคอยน์ ในบทความจาก Blockworks มีการระบุว่า ณ ตอนนี้นักพัฒนาบิตคอยน์มีความพร้อมในการอัปเกรดโปรโตคอลเพื่อปกป้องกระเป๋าเงินที่ยังใช้งานอยู่ แต่กระเป๋าเงินที่ถูกทิ้งไว้นาน หรืออย่างกระเป๋าเงินของ Satoshi Nakamoto อาจตกเป็นเป้าหมายได้เนื่องจากเจ้าของไม่ได้เปลี่ยนไปใช้การเข้ารหัสแบบใหม่
ในมุมมองของนักวิเคราะห์ เช่น Nic Carter กล่าวว่าโมเดลความปลอดภัยของบิตคอยน์เองอาจกลายเป็นสิ่งกระตุ้นในการพัฒนาควอนตัม โดยเปลี่ยนการล่ากระเป๋าเงินเก่าๆ ให้กลายเป็นตลาดการแข่งขัน ซึ่งอาจเปลี่ยนแนวคิดเรื่องการขาดแคลนของบิตคอยน์ไป โดยเหรียญบิตคอยน์ที่ “หายไป” อาจไม่ใช่เรื่องถาวร แต่เป็นเพียงการรอให้ผู้อื่นมาเปิดมัน การบรรเทาความกังวลไม่ได้เป็นการคาดการณ์ให้เกิดความกลัว (FUD - fear, uncertainty, and doubt) แต่เป็นมุมมองต่อการพัฒนาของบิตคอยน์ที่จะยังคงความเข้มแข็งในอนาคตของควอนตัม แต่ยังก่อให้เกิดคำถามว่าอุปทานหมุนเวียนในปัจจุบันของบิตคอยน์จะมีเหรียญที่หายไปหรือไม่
การดำเนินการของกลุ่มนักพัฒนากล่าวถึงความท้าทายในการคงความปลอดภัยของบิตคอยน์และสร้างความมั่นใจว่าโปรโตคอลจะมีการอัปเดตตามที่จำเป็น ในขณะที่นักวิเคราะห์บางคนเห็นว่ามันเป็นโอกาสที่นำไปสู่การทบทวนระบบบล็อกเชนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น มันเป็นการพิจารณาว่าการสูญเสียบิตคอยน์อาจเป็นชั่วคราว แต่ยังมีการเปิดกว้างในกระบวนการรักษาความสมบูรณ์ของบล็อกเชนอย่างต่อเนื่อง
- Source: Blockworks
Tags: #Bitcoin #QuantumComputing #Cryptocurrency #Blockchain #SatoshiNakamoto #CryptoSecurity #LostBitcoin #DigitalAssets